นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศไทยในนาม BaNANA, Studio7, BKK ว่า เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 6,657.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,514 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 928.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 751 ล้านบาท และกำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 235.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 150.6 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารจัดการสินค้าในกลุ่มธุรกิจได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึง แผนการตลาด และการขยายสาขาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สนับสนุนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 19,834.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15,380 ล้านบาท กำไรส่วนของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 625.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 396.7 ล้านบาท
ผลประกอบการมีการเติบโตขึ้นตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มบริษัทฯ แยกตามธุรกิจ ในไตรมาส 3/2561 สินค้ากลุ่มโทรศัพท์ยังคงเป็นดาวเด่น มีสัดส่วนสินค้าอยู่ที่ 59% กลุ่มสินค้าไอทีมีสัดส่วน 21% กลุ่มอุปกรณ์เสริมมีสัดส่วน 16% กลุ่มบริการมีสัดส่วน 4% ของรายได้จากการขายและการให้บริการทั้งหมด
ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มโทรศัพท์ของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 3 ปีนี้ ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้ง Samsung ,Oppo , Vivo ที่เปิดตัวสินค้า Flagship รุ่นใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ มีสินค้าใหม่และช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนของผลิตภัณฑ์จาก Apple ยอดขายหลักทั้ง iPhone และ iPad ที่มีการใช้ Apple pencil ยอดขายยังเติบโตดี ขณะที่ กลุ่มไอทียอดขายของ Notebook และกลุ่ม Gamer ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ Macbook ได้มีการเลื่อนเปิดตัวรุ่นใหม่จากไตรมาส 3 เป็นไตรมาส 4 ปีนี้
สำหรับกลุ่มอุปรณ์เสริม มี Apple watch รุ่นใหม่ที่เปิดจำหน่ายในช่วง ไตรมาส 2/2561 ยังคงมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ จะเน้นการนำเสนอขายซิมและอุปกรณ์เสริมพ่วงควบคู่ไปกับสินค้ากลุ่มอื่น ทำให้มียอดขายเติบโตเช่นเดียวกัน และคาดว่าการขายซิมจะเป็นไปตามเป้าหมายปีนี้ที่วางไว้ 2 แสนเลขหมาย
กลุ่มธุรกิจบริการ ได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากการขายซิม ในส่วนของร้านค้า iCare และบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจในการบริหารร้านทรู มีการขยายสาขาและรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 บริษัทย่อยได้เข้ามาบริหารร้านทรูแล้วจำนวน 87 สาขา และคาดสิ้นปีจะมี 100 สาขา รวมถึง แผนการตลาด ที่เน้นการสร้างความต้องการของลูกค้า โดยเริ่มตั้งแต่การให้สิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มการสั่งพรีออเดอร์ และการออกโปรโมชั่นพิเศษจากการเป็นพันธมิตรกับทางธนาคาร เพื่อขยายฐานลูกค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม COM7 พยายามเน้นหาและเปิดสาขาที่มีศักยภาพ รวมถึงการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายจากสาขาเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับสินค้าใหม่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ Same Store Sales Growth (SSSG) สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาส 3/2561 บริษัทมี SSSG อยู่ที่มากกว่า 10% และมีสาขาที่เปิดใหม่จำนวน 26 สาขา โดยเป็นร้าน Banana 12สาขา , Samsung 2 สาขา, Studio7 3 สาขา BKK 5 สาขา OPPO 3 สาขา และ ร้านค้าออนไลน์ 1 สาขา
ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 COM7 มีสาขาภายใต้การบริหารรวมกันทั้งสิ้น 518 สาขา เทียบกับสิ้นปี 2560 มีจำนวน 434 สาขา และขยายธุรกิจแฟรนไชส์ได้แล้ว 35 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้ COM7 จะรุกธุรกิจแฟรนไชส์ได้ 50 สาขา เจาะลูกค้าต่างจังหวัด
แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2561 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ เนื่องจากมีสินค้ารุ่นใหม่ทยอยออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ขณะที่แผนการตลาดและการออกโปรโมชั่นใหม่ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้ง่ายขึ้น จึงคาดว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ปรับเป้ารายได้เป็นเติบโต 20% จากเมื่อต้นปีตั้งเป้าเติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 22,500 ล้านบาท
อีกทั้ง ล่าสุดประกาศแผนการเข้าลงทุนโดยบริษัทย่อย บริษัท บานาน่า กรุ๊ป จำกัด เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100% ของ บริษัท ดีเอ็นเอ รีเทล ลิ้งค์ จำกัด หรือ DRL ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสาร ภายใต้ชื่อ KingKong Phone มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 95 สาขา ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดตาม Hypermarket ได้แก่ เทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus) และบิ๊กซี (Big C) มีพื้นที่ขนาดเล็กประมาณ 20 - 50 ตารางเมตร โดยใช้เงินลงทุนในครั้งนี้ 210 ล้านบาท คาดจะโอนหุ้นดังกล่าวเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ทันทีต้นปีหน้า สนับสนุนให้ COM7 มีสาขาและยอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นในปี 2562