ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 มีรายได้รวม 716.07 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 627.23 ล้านบาท จำนวน 88.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.16%
ทั้งนี้ผลประกอบการงวด 9 เดือนของบริษัทมีกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากรายได้พิเศษการขายที่ดินจำนวน 334.57 ล้านบาท อีกทั้งมีการปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการขาย และอัตรากำไรขั้นต้นของฐานการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัททำกำไรขั้นต้นดีที่สุดในรอบ 2 ปีอยู่ที่ 603.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 29.57% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 575.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 26.19%
ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3 รายได้ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นการขายและให้บริการไปยังลูกค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายลดลงเป็นผลมากจากการลดค่าใช้จ่ายจากบริษัทย่อย ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) กลับมาเป็นบวกอยู่ที่ 7 ล้านบาท
"แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง 3 ธุรกิจ โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากฐานการผลิต และธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฐานการจัดจำหน่ายมีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนทุกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตให้อยู่ในระดับดีได้" นายชนัตถ์ กล่าว