นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาอัตราเงินปันผลของกองทุนประเภท REIT ปรับตัวขึ้นมากถึง 8.6% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของ SET index ปรับตัวลดลง -4.8% ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ช่วยผลักดันให้กองทุนกลุ่มนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) เป็นกอง REIT และสามารถขยายขนาดกองได้มากขึ้นหลังจากแปลงสภาพ
" ในระยะสั้น บริษัทมองว่ากลุ่ม REIT ยังคงให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่ดีแม้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นและกดดันให้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่างกลุ่มนี้และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแคบลงก็ตาม แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกลุ่ม REIT ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2561 อยู่ที่ 5.67% และอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.84% บ่งชี้ได้ว่ากลุ่ม REIT ยังคงน่าสนใจในเชิงอัตราผลตอบแทน โดยเฉพาะกองทุนที่มี Dividend growth และมีโอกาสในการปรับขึ้นค่าเช่าจากการดำเนินธุรกิจได้ อีกทั้ง จากสภาวะตลาดหุ้น ณ ปัจจุบันที่ค่อนข้างผันผวน บริษัทมองว่าการกระจายการลงทุนในกอง REIT อาจช่วยลดความผันผวนจากผลตอบแทนในระยะสั้นได้" นายพจน์กล่าว
ในส่วนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.วรรณ คณะกรรมการจัดการลงทุนได้มีมติพิจารณาจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1กรกฎาคม 2561 – 30 กันยายน 2561 จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยมีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ย 6.45% ต่อปี เมื่อเทียบกับภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1(TIF1) ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.136 บาท โดยมีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ย 6.13% ต่อปี เมื่อเทียบกับภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้ง 2 กองทุนได้กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยเพื่อรับเงินปันผลวันที่ 22 พ.ย. 61 และจะมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 ธ.ค. 61