EXIM BANK จัดประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชีย ครั้งที่ 24 จ.ภูเก็ต เตรียมความพร้อมผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยและเอเชียเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0

พฤหัส ๑๕ พฤศจิกายน ๒๐๑๘ ๑๑:๑๑
EXIM BANK เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชีย (Asian EXIM Banks Forum : AEBF) ครั้งที่ 24 ภายใต้หัวข้อ "อุตสาหกรรม 4.0" โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ณ โรงแรมเดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ทแอนด์สปา ภูเก็ต เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เพื่อแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่พร้อมสนับสนุนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในเวทีการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าเสรีที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีของประชาชนไทยและชาติเอเชีย

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในพิธีเปิดการประชุมว่า การค้าระหว่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของทุกประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยส่งออกสินค้าและบริการเป็นสัดส่วนสูงกว่า 77% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) การรวมกลุ่มความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของชาติต่างๆ ในเอเชีย จึงเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการในภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงมี EXIM BANK ทำหน้าที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดำเนินภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา โดยขยายเครือข่ายความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งกับองค์กรการเงินเพื่อการส่งออกในประเทศต่างๆ รวมถึงสมาชิก AEBF ที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่อไปว่า วิกฤตการเงินโลกที่ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอลงต่ำกว่าอัตราการเติบโตของจีดีพีโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งปี 2560 มูลค่าการค้าโลกเริ่มฟื้นตัว เติบโตที่ระดับ 4.7% สูงสุดในรอบ 6 ปี เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวและเศรษฐกิจจีนโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการของไทยขยายตัว 5.5% ในปี 2560 และขยายตัวต่อเนื่องในปี 2561 คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยทั้งปี 2561 อยู่ที่ 4.5% เป็นผลจากการเติบโตของภาคการส่งออกไทยเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 8.0% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาติในเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความตกลงเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างชาติในเอเชียจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ช่วยลดผลกระทบดังกล่าว นำไปสู่การค้าเสรี ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนของประชาชนในเอเชียในที่สุด ภารกิจส่วนหนึ่งของกระทรวงการคลัง ได้แก่ การทยอยลดอัตราภาษีนำเข้า ปรับปรุงกระบวนการศุลกากร และพัฒนาระบบพิธีการหน้าต่างเดียวในอาเซียนเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียน ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์และขนส่งเชื่อมโยงประเทศไทยกับตลาดการค้าโลก โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวสู่โมเดล "ไทยแลนด์ 4.0" ซึ่งรัฐบาลไทยกำหนดเป้าหมายจะพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่ม S-Curve เชื่อมโยงกับการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุน อาทิ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) โดยให้มาตรการจูงใจด้านภาษี ประเทศไทยมิได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของความเชื่อมโยงและร่วมมือกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อความมั่งคั่งและรุ่งเรืองของเอเชียอย่างยั่งยืน

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีเป้าหมายการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จึงพร้อมดำเนินภารกิจสอดประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีข้อมูลและเครื่องมือทางการเงินที่จะเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในโลกการค้ายุคใหม่ ดำเนินธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยศึกษาต้นแบบจากประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ EXIM BANK จึงผลักดันให้เกิดการประชุมหารือในหัวข้อ "อุตสาหกรรม 4.0" ในการประชุมประจำปีครั้งที่ 24 ของ AEBF ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในปีนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในการส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น รองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ท่ามกลางกระแสหรือเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา กล่าวคือ การก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งผู้ประกอบการต้องปรับตัวครั้งใหญ่ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ผลิตสินค้า สร้างกระบวนการผลิตอัจฉริยะเพื่อผลิตสินค้าที่หลากหลายและตรงกับความต้องการป้อนผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดต้นทุน มีประสิทธิภาพ และครบวงจร สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะยกระดับการพัฒนาภาคการผลิต ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยและภูมิภาคเอเชีย

นายพิศิษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเอเชียผนวกกับความร่วมมือระหว่างสมาชิก AEBF เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าการลงทุนและแสวงหาโอกาสใหม่ร่วมกัน จะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของเอเชีย ต่อยอดการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวมของเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัว 5.6% ในปี 2561 และ 5.4% ในปี 2562 เป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ดี ประกอบกับเม็ดเงินจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามายังภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ GDP ของประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกมาก นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยังเป็นที่ต้องการอีกกว่า 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคและโลกโดยรวมขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว

ทั้งนี้ การประชุมระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชียจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้สมาชิก 11 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตุรกี รวมทั้งธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) องค์กรสนับสนุนการเงินและการรับประกันการส่งออกของออสเตรเลีย (EFIC) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเวียดนาม (VDB) โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เป็นผู้สังเกตการณ์ถาวร มีศูนย์การส่งออกแห่งรัสเซีย (REC) และสำนักงานพัฒนาการส่งออกของแคนาดา (EDC) เป็นผู้สังเกตการณ์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือร่วมกันถึงแนวทางเสริมสร้างความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นำไปสู่การพัฒนาของเอเชีย-แปซิฟิกอย่างยั่งยืน

"ผู้ที่ปรับตัวได้ทันในโลกยุคใหม่ย่อมมีความได้เปรียบ ขณะที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จะนำไปสู่การพัฒนาในอนาคต EXIM BANK จึงทำหน้าที่จัดการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าในเอเชียในปีนี้ ด้วยความมุ่งหวังจะขยายเครือข่ายข้อมูลข่าวสารและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยและเอเชียให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอเชีย-แปซิฟิก" นายพิศิษฐ์กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนสื่อสารองค์กร ฝ่ายเลขานุการและสื่อสารองค์กร

โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1141, 1144

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version