นายหาญศิริ แสงวงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ส.กิจชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SKN ผู้ผลิตและส่งออกแผ่นไม้เอ็มดีเอฟชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 434.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.05% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 391.43 ล้านบาท กำไรสุทธิเท่ากับ 63.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.41% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 53.82 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,188.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.10% เทียบกับงวดเดียวเดียวกันของปีก่อนหน้าทำได้ 1,141.27 ล้านบาท จากปริมาณการขายแผ่นไม้เอ็มดีเอฟเพิ่มขึ้น ประกอบกับเทอมการขายแบบ CNF ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี เนื่องจากรายได้จากการขายส่วนใหญ่กว่า 90% ของบริษัทฯ เป็นรายได้จากการส่งออก จึงได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 3.54% ส่วนรายได้อื่น เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้าที่ 54.60% จากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 146.11 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 เป็นที่น่าพอใจ แม้รายได้รวมเพิ่มขึ้นไม่มาก ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเราส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศมากกว่า 97% ทั้งนี้ เรายังได้ทำการศึกษาแผนการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศใหม่เพิ่มเติม พร้อมพัฒนาสินค้า(R&D) ผลิตภัณฑ์ไม้ชนิดอื่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไลน์การผลิตใหม่แห่งที่ 2 เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถรองรับออเดอร์สินค้าที่เข้ามาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ" นายหาญศิริ กล่าว
ด้านเครื่องจักรไลน์ที่ 1 ใช้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ได้สูงต่อเนื่องในระดับ 90% ขณะที่เครื่องจักรไลน์ที่ 2 สามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สนับสนุนให้ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี จากเดิมมีกำลังการผลิตเพียง 240,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รองรับคำสั่งซื้อส่วนเกินของลูกค้าเดิม และสามารถขยายตลาดใหม่ โดยคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถเร่งอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ในเครื่องจักรใหม่ได้ถึง 70% ภายใน ไตรมาสที่ 4
สำหรับ ความคืบหน้าบริษัทย่อยเพื่อดำเนินโครงการโรงผลิตกาว สำหรับเป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาสูตรกาวต่างๆ จำหน่ายให้แก่บริษัทฯ และจำหน่ายให้บุคคลภายนอก คาดจัดตั้งโรงงานแล้วเสร็จภายในปี 2563 ตามแผน เข้ามาเสริมศักยภาพการเติบโตของธุรกิจให้แข็งแกร่งระยะยาว