ดร.อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 มีรายได้รวม 123.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 108.73 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิลดลงเหลือเพียง 25.12 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 114.75 ล้านบาท และงวด 9 เดือนปีนี้มีรายได้รวมอยู่ที่ 600.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.17%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 530.78 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 5.22 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 98.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิสูงถึง 342.25 ล้านบาท
โดยผลประกอบการ 9 เดือนมีการฟื้นตัวได้ดี โดยมีสาเหตุหลักมาจากมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 13.17% เนื่องจากบริษัทรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (VDC) จำนวน 43.02 ล้านบาท และรายได้จากการจำหน่ายโทรศัพย์เคลื่อนที่ (Smart Phone) แท็บเล็ท และอุปกรณ์เสริมของบริษัทย่อย (บริษัท สยามแอดวานซ์ อีเล็คทรอนิค จำกัด) ที่เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ขณะที่มีต้นทุนขายเท่ากับ 373.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70.38 ของรายได้จากการขาย โดยอัตราส่วนต้นทุน ขายต่อรายได้จากการขาย ลดลง ร้อยละ 29.34 เมื่อเปรียบเทียบกบังวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 99.72 สาเหตุหลักเกิดจากบริษัทมีการกลับรายการตั้งสำรองมูลค่าลดลงของสินค้าคงเหลือ จำนวน 37.68 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า และกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ที่ได้ตั้งสำรองมูลค่าลดลงไว้ได้ โดยมีการจัดงานแสดงสินค้า Expo อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งระบายสินค้าของบริษัท
นอกจากนี้ ต้นทุนในการจัดจำหน่ายเท่ากับ 106.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.76 ของรายได้รวม โดยอัตราส่วน ต้นทุนในการจัดจำหน่ายต่อรายได้รวม ลดลง ร้อยละ 12.53 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 30.28 เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดประสิทธิภาพ ให้สอดคล้อง กับสภาวะเศรษฐกิจและการขายในปัจจุบัน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขายลดลง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AJA กล่าวอีกว่า บริษัทฯคาดว่าผลประกอบการปีนี้น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯได้กระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลัก โดยการขยายไลน์ไปในธุรกิจต่างๆ ดังนี้ คือ การเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle)" ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัทร่วม คือ "ไรเซน เอนเนอร์จี" ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle)" โดยที่ผ่านมาได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ในโครงการแท็กซี่ วีไอพี 100% ของกรมขนส่งทางบก ไปแล้ว 101 คัน และตามแผนงาน คาดว่าจะส่งมอบครบ 1,000 คันในปี 2562
"เรามั่นใจว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทิศทางน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าปีหน้าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน" นายอมร กล่าว