นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.5 ล้านตัน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามียอดขาย 3.2 ล้านตัน
"แนวโน้มรายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้ประมาณ 65,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 60,000 ล้านบาท จากการขยายตลาดใหม่ๆของบริษัทในเอเซียใต้ รวมถึงการเพิ่มยอดขายในประเทศที่บริษัทมีคลังก๊าซและโรงบรรจุก๊าซอยู่เดิม"
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/61 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 มีกำไรสุทธิ 734 ล้านบาท และในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม-กันยายน 2561) มีกำไรสุทธิ 1,604 ล้านบาท
"แม้ในไตรมาส 3 จะได้รับปัจจัยบวกจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก (CP Saudi Aramco) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังถือว่าปรับตัวน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน"
โดยราคาก๊าซ LPG ในไตรมาส 3/61 ปรับเพิ่มขึ้น 57.5 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนปรับขึ้นสูงถึง 102.5 ดอลลาร์สหรัฐ โดยปรับตัวลดลง 45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นลดลง 43% แต่กำไรสุทธิลดลงเพียง 12.6% เนื่องจากสามารถสร้างยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 6 หมื่นตันหรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9% อีกทั้ง บริษัทฯยังบริหารก๊าซคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP) กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ คลังก๊าซและท่าเรือ 2 แห่งในประเทศมาเลเซียฝั่งตะวันตก และ คลังก๊าซและท่าเรือในประเทศเมียนมา โดยคลังก๊าซต่างๆจะเริ่มทยอยดำเนินการได้ตั้งแต่ปี 2563 นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ SGP ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 2 โรงในเมียนมา กำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น