อภัยภูเบศรชูเถาวัลย์เปรียงสุดยอดสมุไพรแก้ปวดเมื่อย ปลอดภัย บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ

พฤหัส ๒๒ พฤศจิกายน ๒๐๑๘ ๑๑:๕๙
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภุเบศร กล่าวว่า เถาวัลย์เปรียง เป็นสมุนไพรที่แพทย์แผนไทยรู้จักใช้กันดี ปรากฏอยู่ในตำรายาแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในหลายคัมภีร์ เป็นสมุนไพรที่มีความถี่ในการใช้และปรากฏในตำรายาสูงมากชนิดหนึ่ง โดยใช้เถาเป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้กษัยแก้เหน็บชา ถ่ายเส้นเอ็น ถ่ายกษัย แก้เส้นเอ็นขอด แก้เมื่อยขบ ทำให้เส้นหย่อน แก้ปวด แก้ไข้ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้โรคบิด แก้โรคหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ ถ่ายเสมหะลงสู่คูดทวาร ถ่ายอุจาระ บีบมดลูก สรรพคุณเหล่านี้คล้ายคลึงกับการใช้ของหมอยาพื้นบ้านทั่วไป

ภญ.สุภาภรณ์ เล่าว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 คุณแม่ลีสี แซ่เอี้ยว ปัจจุบันท่านมีอายุ 92 ปี เป็นคุณแม่ของ ภญ.พัชรี ศรานุรักษ์ (ปัจจุบันรับราชการที่โรพยาบาลบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ) ในปีนั้นท่านได้มาพบและออกปากฝากสมุนไพรชนิดหนึ่งไว้ว่าอย่าให้สูญไป ยาตัวนี้ก็คือเถาวัลย์เปรียง ท่านได้ความรู้มาจากซินแส ที่จังหวัดราชบุรี โดยใช้เป็นยาแก้ตกขาว ท่านบอกให้คนรักษาตัวเองหายมาแล้วหลายราย ไม่ใช่เฉพาะตกขาวอย่างเดียว ตกเหลืองตกเขียว ตกแดงช้ำๆ ก็กินหายมาแล้ว ต่อมามีการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของเถาวัลย์เปรียงมากขึ้นก็พบว่า มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้นกันซึ่งอาจจะเป็นกลไกที่ช่วยให้อาการตกขาวดีขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อปี 2536 มีคุณยายอายุ 70 ปี ที่รู้จักคุ้นเคยกัน ได้มาปรึกษาว่า ป่วยด้วยโรคปวดเข่า แต่กินยาแก้ข้ออักเสบไม่ได้ เพราะมีผลข้างเคียงจนเป็นโรคกระเพาะ จึงได้ทำยาเถาวัลย์เปรียงให้ลองกิน ปรากฏว่าช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าของคุณยายได้พอสมควร ช่วงนั้นพบว่า มีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการยาแก้ปวดเมื่อยปวดข้อที่ไม่มีผลข้างเคียงเช่นที่เกิดจากการใช้ยาแผนปัจจุบัน เมื่อรู้ว่าเถาวัลย์เปรียงเป็นสมุนไพรที่คนโบราณใช้กันมานานเพื่อรักษาโรคกษัย แก้ปวดเมื่อย แก้เส้นเอ็นตึง และยังมีการต้มกินเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะ และตรวจสอบข้อมูลการศึกษาวิจัยก็พบว่าเถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการเป็นยาแก้ปวดเมื่อย แต่เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย จึงได้ส่งเถาวัลย์เปรียงให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์ เมื่อพบว่าไม่มีพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรัง จึงพัฒนาเถาวัลย์เปรียงในรูปแคปซูลแก้ปวดเมื่อยขึ้นใช้ในโรงพยาบาล

"ต่อมามีงานวิชาการพบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง หวัด ภูมิแพ้ และยังผ่านการทดลองทางคลินิก (ทดลองในคน) ในการแก้ปวดจากเข่าเสื่อมโดยเปรียบเทียบกับนาพร็อกเซน (ยาต้านการอักเสบแผนปัจจุบัน) แล้วพบว่าได้ผลไม่แตกต่างกัน และในการแก้ปวดหลังระดับเอว เปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน คือ ยาไดโคลฟีแนค ก็พบว่าได้ผลไม่ต่างกันอีกเช่นกัน มิหนำซ้ำเถาวัลย์เปรียงยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่า ทำให้ปัจจุบันแคปซูลเถาวัลย์เปรียงได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2554" ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวและว่า เถาวัลย์เปรียง หรือเครือตาปลา จึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบของยาแก้การปวดเมื่อยที่ปลอดภัย และยังใช้เป็นยารักษาโรคภัยอื่นๆได้อีก เป็นการยืนยันว่าภูมิปัญญาไทยใช้ได้จริง ถ้าคนไทยใส่ใจไม่ทอดทิ้ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version