นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) (CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO อยู่ระหว่างเตรียมการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อต 2 จำนวน 102 คัน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 และมีกำหนดนัดหมายส่งมอบรถเมล์ล็อตถัดไปจำนวน 100 คัน กลางเดือนธันวาคม 2561 ส่วนล็อตสุดท้ายจำนวน 187 คัน มีกำหนดส่งมอบประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ ซึ่งในส่วนล็อตแรก บริษัทฯ รับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในไตรมาส 4/2561 แล้ว
"ขณะที่ บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่มีอยู่ประมาณ 4,055 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 เป็นต้นไปเช่นกัน และอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแนวโน้มของรายปีในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%" นายสุรเดช กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เข้าลงทุนใน "บริษัท อมรรัตนโกสินทร์ จำกัด (ARK) โดย CHO ถือหุ้นคิดเป็นร้อยละ 99.97 เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารจัดการรถโดยสารประจำทาง อัจฉริยะ (SMART BUS) โดยการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการเดินรถเดิม และการจัดการข้อมูลที่ได้จากระบบโดยการวิเคราะห์ด้วยระบบที่ทันสมัย โดยใช้การระดมทุนสมัยใหม่ในทุกรูปแบบ และจะขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ
ขณะเดียวกันยังได้เข้าลงทุนใน บริษัท ออลเอส โฮลดิ้ง จำกัด โดย CHO ถือหุ้นคิดเป็นร้อยละ 6.25 ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและประกอบรถ ดำเนินกิจการรถรับจ้างสาธารณะ กิจการเทคโนโลยีที่สนับสนุนกิจการรถรับจ้างสาธารณะ และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับรถรับจ้างสาธารณะ โดยโครงการหลักคือให้บริการโครงการ LONDON TAXI ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนโฉมการให้บริการรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน แบบพิเศษ
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO กล่าวอีกว่า การเข้าลงทุนในธุรกิจ SMART BUS และ VIP LONDON TAXI เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่งานบริการงาน Smart ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนแหล่งที่มาของรายได้จากงานขายและบริการให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยังเป็นการเก็บรวบรวมสถิติการใช้บริการของประชาชน Big Data ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นผลสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2561 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 33.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 19.11 ล้านบาท หรือ 130.06% ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าออกแบบพิเศษ โดยมี EBITDA เท่ากับ 59.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.18%
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,977.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 810.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 69.38% และมีกำไรสุทธิ 83.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 124.47 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 301.49% ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าออกแบบพิเศษเช่นเดียวกัน และมี EBITDA เท่ากับ 190.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 158.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 483.42%