KAsset เสนอขาย 'กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV)’ ลงทุนหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมกลยุทธ์ควบคุมความผันผวน IPO 27 พ.ย. – 12 ธ.ค.นี้

จันทร์ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๐๑๘ ๑๔:๕๖
บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV) เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ผ่านกองทุนต่างประเทศระดับ 5 ดาวมอร์นิ่งสตาร์ พร้อมบริหารความเสี่ยงโดยปรับสัดส่วนการลงทุนเพื่อลดความผันผวนด้วย Quantitative Model เปิดเสนอขายครั้งแรก 27 พ.ย. – 12 ธ.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท

นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2561 บลจ.กสิกรไทย เตรียมเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K-CCTV) โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นจีน A-Shares (ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น) ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเน้นลงทุนในหุ้นจีนคุณภาพดีและมีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมใช้กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเพื่อควบคุมความผันผวนของกองทุน โดยพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะตลาด

จุดเด่นของกองทุน K-CCTV คือการมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศจีนซึ่งได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ผ่านกองทุน UBS (Lux) Investment SICAV – China A Opportunity (USD), Class P-acc ซึ่งเป็นกองทุนระดับ 5 ดาวมอร์นิ่งสตาร์ (Overall Rating, ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 61) ที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ดีสม่ำเสมอ และมีการกระจายลงทุนบางส่วนในกองทุน Schroder ISF China A, Class A Acc USD นอกจากนี้ผู้จัดการกองทุนจะบริหารความเสี่ยงโดยใช้ Quantitative Model ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ศึกษาและพัฒนาขึ้นโดยบลจ.กสิกรไทย ในการพิจารณาระดับความผันผวนของตลาด (Market Volatility) และสภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ โดยปรับสัดส่วนการลงทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เพื่อลดความผันผวนของกองทุน

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับจุดเด่นของกองทุนต่างประเทศทั้ง 2 กองทุนที่กองทุน K-CCTV ไปลงทุน ด้านกองทุน UBS (Lux) Investment SICAV – China A Opportunity (USD), Class P-acc จะเน้นลงทุนในหุ้นจีนขนาดใหญ่ (Blue-Chip) โดยคัดเลือกหุ้นเด่นประมาณ 20 บริษัทที่มีคุณภาพดี มีแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรสูง และระดับราคาที่เหมาะสม โดยกองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังสะสมสูงถึง 124% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 29 พ.ย. 56 ขณะที่ดัชนีชี้วัดสร้างผลตอบแทนได้เพียง 12% (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 61) ด้านกองทุน Schroder ISF China A, Class A Acc USD จะเน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares โดยกระจายลงทุนในหุ้นประมาณ 40-50 บริษัท พร้อมลงทุนบางส่วนในหุ้นขนาดกลางและเล็กเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติม

"การเติบโตของเศรษฐกิจจีนยังถือว่ามีเสถียรภาพ โดยจำนวนประชากรจีนที่มีรายได้ปานกลางมีแนวโน้มขยายตัวกว่า 51% ต่อประชากรทั้งหมดภายในปี 2020 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของชาวจีนเปลี่ยนไปเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในอนาคต อีกทั้งรัฐบาลจีนยังมีแผนผลักดันประเทศให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมการบริหารและบริการ อาทิ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มธุรกิจสุขภาพ ที่ผนวกเอานวัตกรรมต่างๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่ม (High Value-added) ให้กับสินค้าที่ส่งออกไปทั่วโลก โดยจีนจดสิทธิบัตรมากขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว" นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นจีน A-Shares มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีจำนวนหุ้นมากกว่า 3,000 ตัว และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และใหญ่กว่าตลาดหุ้นจีน H-Shares เกือบ 10 เท่า ทั้งนี้ตลาดหุ้น A-Shares ยังได้รับประโยชน์จากการเข้ารวมคำนวณในดัชนีหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (MSCI EM) จึงคาดว่าจะมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ตลาดหุ้นจีน A-Shares ยังซื้อขายในระดับราคา (Valuation) ถูกกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) อยู่ที่ 10.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนเพื่อโอกาสเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นจีนมีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตาม อาทิ ความกังวลจากสงครามการค้าของสหรัฐฯและจีนที่คาดว่าจะยังคงมีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2562 รวมถึงบรรยากาศการลงทุนโดยรวมของหุ้นจีน A-Shares ที่มีสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยสูง จึงอาจมีความผันผวนในระยะสั้นได้" นายนาวินกล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-CCTV สามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ผ่านแอป K-My Funds หรือ ธนาคารกสิกรไทย โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกสิกรไทย และบลจ.กสิกรไทย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีราคาผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO