- การใช้กระบวนการทำงานอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์ จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้า การเติบโตของกระบวนการใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (machine learining) และเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบเส้นใยประสาทของมนุษย์ (neural networks) จะทำให้บริษัทเพิ่มความสามารถในการแยกแยะะรวบรวมสถานการณ์ เพิ่มความเข้าใจ และสามารถวิเคราะห์ตลอดจนคาดการณ์ความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์
- องค์กรจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยระบบออนไลน์ที่อยู่ในรูปแบบคลาวด์ ช่องโหว่ที่สำคัญในการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ในปี 2561 ถือเป็นแรงผลักดันทำให้ผู้ให้บริการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ระบบคลาวด์ในปี 2562 ออกมาหามาตรการรับมือกันอย่างจริงจัง โดยระบบรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยเอพีไอ (APIs) แบบเปิดระบบที่ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถผสมผสานรวมเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับแพลตฟอร์มที่มีได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขึ้น
- โครงสร้างพื้นฐานจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้สามารถจัดการได้ในปลายทาง หลายบริษัทเริ่มสมัครใช้บริการในรูปแบบคลาวด์ในหลายรูปแบบ และเพิ่มการใช้ซอฟแวร์ผ่านเว็บไซต์ (SaaS) มากขึ้น ซึ่งความสามารถในการจัดการได้ในปลายทางหมายถึงองค์กรต่างๆ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงภาคส่วนธุรกิจและความต้องการในการใช้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น
- แอพพลิเคชั่นต่างๆ จะฉลาดขึ้นและปรับแต่งได้ ในปีหน้าเราจะได้เห็นแอพพลิเคชั่นต่างๆ รวบรวมข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ และ ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับฟังก์ชั่นการทำงานของพวกเขาเพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ คอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (machine learining) จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยบุคลากรให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- คุณค่าของข้อมูลจะกลายเป็นศูนย์กลางของทุกๆสิ่ง ในช่วงต่อจากนี้ คุณค่าของข้อมูลจะเป็นที่สนใจมากขึ้น โดยข้อมูลจะกลายเป็นแกนหลักสำคัญของดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชั่น และกลายเป็นแหล่งใหม่ของรายได้ที่จะแซงหน้ารายได้แบบเดิมซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างข้อมูลที่จำเป็นต้องพัฒนาข้อมูลให้มีมูลค่าสูงเพื่อจะขับเคลื่อนผลักดันการลงทุนด้านไอที (IT)