ในปีนี้ อีลี่ ได้ดำเนินขั้นตอนขยายกิจการไปต่างประเทศหลายครั้ง โดยเริ่มแรก บริษัทได้ยกระดับศูนย์นวัตกรรมยุโรปด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวาเกนนิงเกน (Wageningen University) ใน Global Dairy Mount Everest หลังจากนั้น บริษัทได้นำผลิตภัณฑ์ไปวางจำหน่ายในตลาดอินโดนีเซียเพื่อแบ่งปันคุณภาพของอีลี่กับผู้บริโภคชาวอินโดนีเซีย และเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา การประกาศซื้อกิจการในต่างประเทศครั้งนี้จะเป็นการเสริมกำลังให้กับบริษัทจอมธนา
คุณผาน กัง ประธานอีลี่ กรุ๊ป เคยกล่าวไว้ว่า "ธุรกิจต่าง ๆ ควรรวบรวมพลังงานทั่วโลก ยืนหยัดในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง และใช้ทรัพยากรคุณภาพสูงจากทั่วโลกเพื่อให้บริการผู้บริโภคให้ดีขึ้น"
การซื้อกิจการบริษัทจอมธนานับเป็นมาตรวัดที่สำคัญสำหรับอีลี่ ในการรวบรวมพลังงานทั่วโลก และเพิ่มพูนผลประโยชน์ร่วมกัน และทำให้เกิดสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยคุณจาง เจี้ยนชิว ซีอีโอของอีลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า "ในระหว่างที่ส่งเสริมการขยายกิจการไปต่างประเทศ อีลี่ ยึดแนวคิด 'เปิดกว้าง ร่วมมือ ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย' เสมอมา รวมทั้งทุ่มเทเวลาให้กับความฝัน 'ในการทำให้ทั่วโลกมีสุขภาพแข็งแรง'"
ปัจจุบัน ทั่วโลกมีการหลอมรวมทางเศรษฐกิจอย่างล้ำลึก อีลี่จึงเร่งขั้นตอนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้เร็วขึ้นด้วยอานิสงส์ของยุทธศาสตร์ "the belt and road" จากการ "วางเครือข่ายไว้ทั่วโลก" เพื่อสร้าง "ระบบห่วงโซ่ความรู้ทั่วโลก" อีลี่จึงเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมทั่วโลกต่อไป ด้วยการใช้ทรัพยากรเติมเต็มซึ่งกันและกัน พร้อมผนึกกำลังด้านนวัตกรรม และส่งเสริมผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน
คุณโซห์ ชี โยง ประธานบริษัทจอมธนา กล่าวว่า "หลังจากที่ได้ติดต่อและเจรจามาหลายครั้ง เราเชื่อว่าอีลี่เป็นบริษัทที่น่าเคารพ นับตั้งแต่ก่อตั้งมา อีลี่ได้ยึดแนวคิดเรื่องคุณภาพมาโดยตลอด และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากความก้าวหน้าในการขยายกิจการไปต่างประเทศและการสร้างสรรค์นวัตกรรม และด้วยความฝัน "ให้ทั่วโลกแบ่งปันสุขภาพที่ดีร่วมกัน" ผลิตภัณฑ์ของอีลี่จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก อีลี่เป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นที่แท้จริงกับผู้บริโภค"
จอมธนาเป็นผู้จำหน่ายไอศกรีมและอาหารแช่แข็งรายใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยประสบการณ์มานานกว่า 37 ปี บริษัทมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมามากมาย อาทิ ไอศกรีม ขนมปัง และขนมหวาน บริษัทมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในไทย และในตลาดต่างประเทศอีก 13 แห่ง บริษัทจึงได้รับความชื่นชอบอย่างมากจากผู้บริโภค หลังจากพิธีลงนามระหว่างอีลี่กับจอมธนา อีลี่ก็จะส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและไทยอย่างเต็มที่ พัฒนาผลของการผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์ และทำให้ความฝัน "ให้ทั่วโลกแบ่งปันสุขภาพที่ดีร่วมกัน" เดินหน้าต่อไป
ทุกวันนี้เศรษฐกิจโลกมีความเป็นโลกาภิวัตน์มากขึ้น บริษัทเอกชนของจีนจึงมีโอกาสที่ดีในการพัฒนากิจการ และแผนริเริ่มในการส่งเสริมความร่วมมือทั่วโลกที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องของจีน ก็ได้เข้ามาอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทเอกชนของจีนในการ "บุกตลาดต่างแดน" และเดินหน้าความร่วมมือระดับสากล ซึ่งทางอีลี่เองก็ได้ฉวยโอกาสนั้นไว้ โดยได้วางแผนขยายกิจการในระดับสากลอย่างจริงจัง และได้บรรลุผลลัพธ์ที่ดี รายได้ของอีลี่ยังคงมีการเติบโตในอัตราเลขสองหลักตั้งแต่ปี 2551 ถึงปี 2558 และทำรายได้ทะลุหลัก 6.8 หมื่นล้านหยวนเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมด้วยอัตราการเติบโต 12.29% เมื่อเทียบรายปี ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์สุทธิก็สูงเกิน 20% มาหลายปีแล้ว ซึ่งสูงเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของโลก การซื้อกิจการบริษัทจอมธนาในครั้งนี้จะส่งเสริมผลประกอบการของอีลี่ไปอีกขั้น และขับเคลื่อนความร่วมมือแบบได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมทั่วโลก
คุณเฉิน หยู นักวิเคราะห์อาวุโสด้านผลิตภัณฑ์นม เชื่อว่า บริษัทผลิตภัณฑ์นมระดับชั้นนำในเอเชียอย่างอีลี่ ได้ขยายช่องทางในต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และได้นำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของจีนไปสู่ต่างประเทศ ด้วยอานิสงส์ของยุทธศาสตร์ "the belt and road" และเร่งการนำทรัพยากรคุณภาพสูงมาใช้ในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก การขยายกิจการไปต่างประเทศของอีลี่ จะมีผลบวกต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมโลก ขณะที่มาตรการเชิงกลยุทธ์ของอีลี่ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมของจีน รวมทั้งเป็นพลังงานสะสมใหม่ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมโลก
ที่มา: Yili Group
ลิงก์ภาพประกอบข่าว:
http://asianetnews.net/view-attachment?attach-id=325687
AsiaNet 76563