นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนธันวาคม 2561 ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,700 จุด จากปัจจัยบวกหลัก คือ การยุติชั่วคราวปัญหาข้อขัดแย้งการค้าสหรัฐ–จีน และแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุใกล้สู่ระดับกลาง ซึ่งจะช่วยหนุนค่าเงินและสินทรัพย์เสี่ยงตลาดเกิดใหม่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพิ่มเงินบำนาญข้าราชการ มาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวและช็อปช่วยชาติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีของรัฐบาล รวมถึงประเด็นความชัดเจนทางการเมืองที่คาดว่าจะทราบวันเลือกตั้งใหม่ในช่วงกลาง ธ.ค. นี้ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
"ผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน มีการยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน คาดจะส่งผลบวกต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก และราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเกิดใหม่น่าจะเริ่มฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยการเมืองคาดจะรู้วันเลือกตั้งใหม่ในช่วงกลาง ธ.ค. นี้ ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ทำให้คาดดัชนี SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้า 1,700 จุดได้ในเดือน ธ.ค. นี้" นายอภิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือน ธ.ค.นี้ คือการประชุมโอเปกในวันที่ 6 ธ.ค. เบื้องต้นคาดว่าจะมีการลดกำลังการผลิตลงราว 1-1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันและช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลงสู่ระดับ 50 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจโลกช่วยลดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงการลงมติรับร่าง Brexit ของสภาอังกฤษในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ หากมีมติรับร่างข้อตกลงกับ EU ก็ช่วยลดความเสี่ยงเศรษฐกิจอังกฤษถดถอย
ส่วนปัจจัยในประเทศนั้น ต้องติดตามการประชุม คสช. กกต. และพรรคการเมืองวันที่ 7 ธ.ค. นี้ เพื่อปลดล็อคการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง และวันที่ 10 ธ.ค. หลังจากกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ กกต. จะออกกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง สส. หากเป็นตามคาดการณ์เดิม คือ 24 ก.พ.2562 ก็ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีโอกาสขยายตัวในช่วงต้นปีหน้า
จากปัจจัยบวกในข้างต้นฝ่ายวิเคราะห์ บล.แอพเพิล เวลธ์ คาดการณ์กำไร บริษัทจทดทะเบียน ในปี 2562 มีโอกาสขยายตัวที่ระดับ 8.00% YoY และคาดดัชนี SET ในปี 2562 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580–1,810 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า เช่น AMATA, BBL, CK, KTB, STEC, WHA กลุ่มบริโภคอุปโภค เช่น CPALL, ROBINS และกลุ่มท่องเที่ยวที่คาดจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ เช่น AAV, ERW, CENTEL