ฟิทช์ คงอันดับเครดิต บมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ที่ A+(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นลบ

พฤหัส ๑๓ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๒๙
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่ 'A+(tha)' และคงแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F1(tha)'

แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงความเสี่ยงทางธุรกิจและความเสี่ยงในการก่อสร้างของโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันของ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS รวมถึงการคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินจะเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราวในช่วงของการลงทุนก่อสร้าง BAFS ยังไม่มีสัญญาระยะยาวในการขนส่งน้ำมันกับลูกค้าสำหรับส่วนขยายของท่อขนส่งน้ำมันในโครงการนี้ แต่ฟิทช์เห็นว่าความเสี่ยงในการหาลูกค้ามาทำสัญญามีเพียงจำกัด เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในบริเวณที่ท่อขนส่งน้ำมันให้บริการที่มีอย่างต่อเนื่อง ค่าบริการที่แข่งขันได้กับการขนส่งด้วยวิธีการอื่น รวมถึงเหตุผลด้านความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อม ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ BAFS จะลดลงหลังจาก FPT ให้บริการส่วนขยายของท่อขนส่งน้ำมันเต็มปีเป็นปีแรกในปี 2563 อย่างไรก็ตาม อัตราการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินอาจจะล่าช้ากว่าที่คาดได้หากมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น หรือมีความล่าช้าของโครงการ รวมถึงความไม่สามารถหาลูกค้ามาทำสัญญาได้เพียงพอในระยะยาว

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

อัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ BAFS ที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO –adjusted net leverage) จะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.0 เท่า ถึง 3.5 เท่า ในช่วงปี 2561-2562 เนื่องจากค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูงสำหรับโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันของ FPT อัตราส่วนหนี้สินของ BAFS น่าจะลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 2 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ในปี 2564 การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินน่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าใช้จ่ายลงทุนที่ต่ำลงหลังจากโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันของ FPT แล้วเสร็จ รวมถึงกระแสเงินสดจากธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และกระแสเงินสดเพิ่มเติมจากโครงการท่อขนส่งน้ำมันระยะที่ 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 2 ปี 2562

ความเสี่ยงทางธุรกิจของ FPT อยู่ในระดับที่จัดการได้: โครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือของประเทศไทยมีความเสี่ยงในการแล้วเสร็จของโครงการรวมถึงการหาลูกค้าเพื่อมาใช้บริการ แม้ว่า BAFS ยังไม่มีสัญญาระยะยาวในการขนส่งน้ำมันกับลูกค้าสำหรับส่วนขยายของท่อขนส่งน้ำมันในโครงการนี้ ฟิทช์เชื่อว่าเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 40 ของปริมาณน้ำมันที่ขนส่งไปยังภาคเหนือของประเทศไทยภายใน 3 ปีแรกหลังจากเปิดดำเนินการน่าจะสำเร็จได้ เนื่องจากท่อขนส่งน้ำมันของโครงการดังกล่าวเป็นท่อขนส่งน้ำมันโครงการแรกในภาคเหนือของประเทศไทย ฟิทช์คาดว่าการเปลี่ยนวิธีขนส่งน้ำมันจากปัจจุบันซึ่งใช้รถบรรทุกเป็นหลักมายังระบบท่อขนส่ง น่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าบริการที่แข่งขันได้ รวมถึงเหตุผลด้านความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อม

การเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมัน: ฟิทช์คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.5-4.0 ต่อปีในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บจากน้ำมันอากาศยานที่ทำการเติมเพื่อใช้ในเส้นทางการบินภายในประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 ได้กดดันให้อัตราการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปี 2560 อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี เนื่องจากหลายสายการบินได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางเพื่อไปเติมน้ำมันที่สนามบินอื่น อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานได้ฟื้นตัวมาอยู่ในระดับ ร้อยละ 4.0-4.5 ต่อปีในปี 2561 ฟิทช์คาดว่าอัตราการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลก การเติบโตที่ต่อเนื่องของการท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงโครงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุด 2 ลำดับแรกของประเทศไทย ซึ่ง BAFS เป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่

สถานะความเป็นผู้นำ: อันดับเครดิตของ BAFS สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในการให้บริการน้ำมันอากาศยานในประเทศไทย โดย BAFS เป็นผู้ให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Depot Service) และเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยาน (Hydrant Pipeline Network) แต่เพียงรายเดียว และเป็นผู้ให้บริการหลักในการเติมน้ำมันอากาศยาน (โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 88) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแต่เพียงรายเดียว ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง BAFS อยู่ในธุรกิจที่มีสภาพการแข่งขันที่ต่ำและได้รับประโยชน์จากอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่สูงของผู้บริการรายใหม่ เนื่องจากผู้ให้บริการต้องได้รับการอนุญาตจากท่าอากาศยานนั้นๆ จึงจะให้บริการได้

ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันที่จำกัด: BAFS ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจาก BAFS จะเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการเติมน้ำมันจากบริษัทน้ำมันเท่านั้น (โดยบริษัทน้ำมันเป็นผู้ขายน้ำมันให้แก่สายการบิน) นอกจากนี้ ต้นทุนหลักของ BAFS เป็นค่าสัมปทานซึ่งเป็นอัตราที่ตกลงกันก่อนตามสัญญา ทำให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของ BAFS ค่อนข้างคงที่

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

ลักษณะของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ BAFS มีความคล้ายคลึงกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A+(tha)/เครดิตพินิจเป็นลบ) ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. รายได้ของ GPSC ส่วนใหญ่มาจากสัญญาการขายไฟฟ้าและไอน้ำ กับลูกค้าซึ่งมีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ทั้งสองบริษัทจึงมีรายได้ที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ในระดับสูง หากไม่รวมการประกาศการเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ ของ GPSC อัตราส่วนหนี้สินของ GPSC น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 2.5 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินของ BAFS น่าจะเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 3 เท่าในช่วงที่มีการลงทุนในโครงการของ FPT ในช่วง 2 ปีข้างหน้าก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับประมาณ 2 เท่า ดังนั้นทั้งสองบริษัทจึงมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกัน โดย BAFS มีแนวโน้มเครดิตเป็นลบ ในขณะที่ GPSC มีเครดิตพินิจเป็นลบ ในระหว่างที่รอความชัดเจนของแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนในระยะยาวและโครงสร้างเงินทุนภายหลังการเข้าซื้อกิจการ

เมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย BAFS มีรายได้ที่สามารถคาดการณ์ได้ในระดับสูงกว่า CP ALL แต่ CP ALL มีสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งมาก ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่นับจากจำนวนร้านค้าที่มากกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับที่สองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ CP ALL ยังขายสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำให้มีความผันผวนในรายได้และอัตรากำไรที่ต่ำ CP ALL มีขนาดของธุรกิจและกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ที่ใหญ่กว่า BAFS มาก CP ALL อยู่ในช่วงลดอัตราส่วนหนี้สิน ซึ่งน่าจะยังมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า BAFS ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น BAFS จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า CP ALL

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) เป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีรายได้ที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ในระดับสูง เนื่องจากมีสัญญาเช่ากับลูกค้ามารองรับ อย่างไรก็ตาม TREIT ยังต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในตลาด ซึ่งต่างจากธุรกิจที่มีลักษณะเป็นหรือคล้ายคลึงกับธุรกิจสัมปทาน TREIT มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ BAFS แต่มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น BAFS จึงมีอันดับเครดิตที่สูงกว่า TREIT

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

- ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานมีการเติบโตในอัตราร้อยละ 4.0-4.5 ในปี 2561 และร้อยละ 3.5-4.0 ต่อปีในปี 2562-2563

- โครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือของประเทศไทยระยะที่ 1 แล้วเสร็จและเริ่มสร้างรายได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2562

- อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและ ค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR Margin) คงที่อยู่ที่ร้อยละ 57-58 ในปี 2561-2562 และเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 59 ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่โครงการท่อขนส่งน้ำมันสร้างรายได้เต็มปี

- ค่าใช้จ่ายลงทุนจำนวน 4.5 พันล้านบาทในปี 2561 จำนวน 2.5 พันล้านบาทในช่วงปี 2562 และจำนวน 350 ล้านบาทในปี 2563 ซึ่งได้รวมเงินลงทุนในโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมัน และค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2และแผนการขยายสนามบินดอนเมือง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับกลับมาเป็นมีเสถียรภาพ หากบริษัทฯ สามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน ให้อยู่ในระดับ 2.0 เท่าได้ภายในปี 2564 หลังจากที่โครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันของ FPT แล้วเสร็จ

ปัจจัยลบ:

ผลประกอบการที่อ่อนแอลง การเริ่มเปิดดำเนินการที่ล่าช้ากว่าที่คาดของโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมัน หรือต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน ไม่สามารถลดลงมาอยู่ในระดับ 2.0 เท่าได้ภายในปี 2564

หากบริษัทฯ สามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการหาลูกค้ามาทำสัญญาระยะยาวสำหรับโครงการขยายท่อขนส่งน้ำมันของ FPT หรือความสามารถในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในการขนส่งน้ำมันได้อย่างรวดเร็วและมีการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพ ฟิทช์อาจปรับระดับอัตราส่วนหนี้สินที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันให้สูงขึ้นเป็น 2.5 เท่าได้

สภาพคล่อง

สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: BAFS มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดเงินสดคงเหลือที่เพียงพอ และระยะเวลาการชำระหนี้คืนที่มีการกระจายตัวที่ดี ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 BAFS มียอดเงินสดคงเหลือที่ไม่มีภาระผูกพันและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 1.4 พันล้านบาท (ไม่รวมเงินฝากธนาคารและพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 619 ล้านบาท ซึ่งเป็นหลักประกันของเงินกู้ระยะยาวจากธนาคาร) ซึ่งมากกว่าเงินกู้ยืมที่ครบกำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 341 ล้านบาท นอกจากนี้สภาพคล่องของ BAFS ยังได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อแบบผูกพันไว้แล้วที่ยังไม่ได้เบิกถอน (Undrawn Committed Facility) จำนวน 3.3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 รวมถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ