YLG มองตลาดทองคำปี 2019 ยังน่าลงทุน แนะซื้อขายในกรอบ 1,160-1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์

พฤหัส ๑๓ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๓๑
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ YLG เปิดเผยว่า ราคาทองคำตลาดโลกในปี 2018 มีกรอบการแกว่งตัวมากกว่า 200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,366.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์และมีระดับต่ำสุดที่ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศมีกรอบการแกว่งตัว 2,300 บาทต่อบาททองคำ ในระหว่างปีราคาทองคำในประเทศมีระดับสูงสุดอยู่ที่ 20,450 บาทต่อบาททองคำและร่วงลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี 10 เดือนบริเวณ 18,150 บาทต่อบาททองคำ

แม้ไตรมาสแรกราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีบริเวณ 1,366.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดีนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ไปจนถึงกลางไตรมาส 3 จะเห็นได้ว่าราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากการคาดการณ์ถึงการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยอันเนื่องมาจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงต่อเนื่อง ประกอบกับสถานะขายซึ่งเป็นการเก็งกำไรในทิศทางขาลงในสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลเชิงลบเพิ่มเติมจนกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของปี 2018 และถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 19 เดือนบริเวณ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 16 ส.ค. ก่อนที่ราคาทองคำจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องจนมาถึงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง ขณะเดียวกันมุมมองเกี่ยวกับการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเริ่มเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ย. โดยนักลงทุนคาดการณ์มากขึ้นว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019

นางพวรรณ์ กล่าวว่า ราคาทองคำในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาระดับต่ำสุดและระดับสูงขึ้นจะยกสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าแต่ก็ไม่มาก โดยระดับต่ำสุดของปี 2018 ยกสูงกว่าระดับต่ำสุดของปีก่อนหน้าราว 15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ระดับสูงสุดของปี 2018 สูงกว่าระดับสูงสุดของปีก่อนหน้าเกือบ 10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ YLG ประเมินว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปี 2019 อาจมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้างในทิศทางค่อยๆขยับขึ้น โดยราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1,160-1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 18,000-21,400 บาทต่อบาททองคำ ทั้งนี้ แนวต้านแรกจะอยู่ในโซน 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 20,900 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเดิมของปี 2018 หากราคาทองคำสามารถทรงตัวเหนือแนวต้านระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านในโซน 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับแรกอยู่บริเวณ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,250 บาทต่อบาททองคำ แต่หากราคายืนแนวรับแรกไม่ได้ต้องระมัดระวังการปรับตัวลงต่อ โดยมีโอกาสปรับตัวลงต่อทดสอบบริเวณ 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,000 บาทต่อบาททองคำ

ในส่วนของปัจจัยพื้นฐานที่ต้องติดตามในปี 2019 ส่วนใหญ่ยังเป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากปี 2018 โดยจุดโฟกัสจะยังอยู่ที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะแนวโน้มที่เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019 รวมถึงผลกระทบจากการเมืองสหรัฐที่สภาคองเกรสถูกแบ่งเป็น 2 พรรค แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจชะลอตัวลงและปัญหาการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ อีกทั้งหากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐคลี่คลายลงก็จะยิ่งลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย นอกจากนี้แนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)จะปรับนโยบายการเงินเข้าสู่สภาวะปกติ(monetary policy normalization)จะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินยูโรและทองคำเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงในเชิงลบต่อราคาทองคำ เห็นจะเป็นปัญหาการเมืองในฝั่งยุโรปที่จะเป็นกดดันสกุลเงินยูโรให้กลับมาอ่อนค่าได้ บวกรวมกับความเสี่ยงในกรณีที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไปอาจจะทำให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่ากดดันการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในปี 2019

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เบื้องต้นแนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาสามารถยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,250 บาทต่อบาททองคำได้อย่างแข็งแกร่ง โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรก ซึ่งประเมินแนวรับถัดไปโซน 1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 18,000 บาทต่อบาททองคำ เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นอาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 20,900 บาทต่อบาททองคำ แต่หากผ่านได้สามารถชะลอการขายไปยังโซนแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,400 บาทต่อบาททองคำ

(ราคาทองคำในประเทศคำนวณโดยใช้ค่าเงินบาท ณ วันที่ 12 ธ.ค. 2018 เวลา 11.57 น. : 32.76 บาทต่อดอลลาร์)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version