คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก ผ่านการขยายตัวของแพลตฟอร์มการออกอากาศทั้งช่องทางสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลและสถานีโทรทัศน์ระบบดาวเทียมของบริษัทผู้ประกอบโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และ VOD (Video On Demand) ส่งผลดีต่อการเติบโตของ JKN ที่มีจุดแข็งด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่จำหน่ายหลายรายการ ซึ่งเป็นสิทธิ์แบบ Output Deal ในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และมีโอกาสขยายธุรกิจในต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ดังนั้น จึงมีความมั่นใจว่า JKN มีการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยปัจจัยสนับสนุน คือการเป็นตัวแทนจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครช่อง 3 ในตลาดโลก นอกจากนี้ JKN ยังได้รับสิทธิ์ให้ผลิตคอนเทนต์รายการข่าวช่อง CNBC Thailand ภายใต้แบรนด์ CNBC จาก National Broadcasting Company Universal (NBC) ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระยะเวลา 10 ปี ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อีกทำให้โครงสร้างรายได้มีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว ทำให้ JKN ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการเข้ามาลงทุนถือหุ้นในระยะยาว โดยช่วงที่ผ่านมานักลงทุนรายใหญ่อย่าง รศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH หรือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีความสนใจในธุรกิจด้านคอนเทนต์ ได้เข้ามาลงทุนหุ้น JKN ในนามส่วนตัว ผ่านกระดาน Big Lot อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าการที่ รศ.ดร.นพ.เฉลิม ให้ความสนใจธุรกิจคอนเทนต์ เพราะเป็นสินค้าต้นน้ำของสื่อที่สามารถนำไปใช้เผยแพร่ออกอากาศผ่านทุกแพลตฟอร์ม ทั้งจากสื่อเดิม เช่น ทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม และสื่อใหม่ๆ ทางออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมคนดูไปยังฐานผู้ชมในภูมิภาคอาเซียนที่มีกว่า 660 ล้านคน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ JKN ได้อีกมาก โดยมีการเข้าซื้อหุ้น Big Lot รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.63% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจากครอบครัว 'จักราจุฑาธิบดิ์'ในราคาเฉลี่ย 12.01 บาทต่อหุ้น โดยซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาในกระดาน ณ ช่วงที่ทำการซื้อขาย
"การเข้ามาลงทุนส่วนตัวของคุณหมอเฉลิมถือว่าเป็นผลดีกับ JKN เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมายาวนาน จะช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของ JKN จากการแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ เพื่อการขยายตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคนี้และผลักดันการเติบโตที่ดี" คุณจักรพงษ์กล่าว