นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิตยาง เผยว่า โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งโครงการตามนโยบายแก้ปัญหายางพาราของรัฐบาล ขณะนี้พร้อมเดินหน้าดำเนินโครงการอย่างเต็มที่ หลังมี "ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ข้อแนะนำการก่อสร้างถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ สำหรับงานถนนท้องถิ่น" โดยดำเนินการสร้างถนนด้วยกระบวนการ Mix in Placeใช้รถเกลี่ยดิน (Motor Grader) ซึ่งหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการก่อสร้างถนนได้ โดยยึดมาตรฐานจากคู่มือแนะนำการก่อสร้างถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางธรรมชาติ สำหรับถนนท้องถิ่น และคู่มือการออกแบบส่วนผสม (Job Mix Formula) ที่จัดทำโดยกระทรวงคมนาคม นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางได้มีประกาศการกำหนดหลักเกณฑ์และราคากลางงานก่อสร้างเพื่อใช้ในงานถนนดินซีเมนต์ฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงสามารถนำคู่มือ ข้อแนะนำ และราคากลาง ไปดำเนินการก่อสร้างด้วยตนเองหรือจ้างเหมาก่อสร้างได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ทั้งนี้ หากมีการสร้างถนนพาราซอยด์ซีเมนต์ อย่างน้อยหมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร ทั่วประเทศ จะมีระยะทางรวม 75,032 กิโลเมตร คาดว่าจะใช้น้ำยางสดในปริมาณ 1,440,614.40 ตัน หรือคิดเป็นน้ำยางข้น 720,320.2 ตัน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 16,326.9632 ล้านบาท
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับน้ำยางที่ใช้เป็นวัตถุดิบใช้ในการผสมเป็นน้ำยาง Preblend เพื่อนำมาราดถนนนั้น กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตน้ำยางPreblend ที่เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องใช้น้ำยางสดหรือน้ำยางข้นจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) หรือบริษัทผู้ผลิตน้ำยางข้น สถาบัน/กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ กยท. รับรองเท่านั้น ดังนั้น โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร นอกจากจะช่วยดูดซับน้ำยางออกจากระบบตลาด เพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น และเป็นการพัฒนาคุณภาพถนนและพื้นผิวการจราจรให้มีความทนทานแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย