ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิต BBB+/AAA(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งผลการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ได้ทำให้ความเสี่ยงของการต่ออายุสัมปทานของแหล่งบงกชหมดไป อีกทั้งสัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. สผ. ในแหล่งบงกชจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% จากปัจจุบันที่ 66.67% และในส่วนของแหล่งเอราวัณจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปัจจุบันที่มี 5% ใน Contract 3 เท่านั้น (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเอราวัณ) โดย ปตท.สผ.จะเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งเอราวัณตั้งแต่ปี 2565
การผลิตปิโตรเลียมของ ปตท.สผ. จากแหล่งผลิตทั้งสองนี้หลังจากได้ต่ออายุสัมปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2565 จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันโดยเฉลี่ย (ปริมาณการผลิตทั้งปี) โดยอ้างอิงจากการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับแหล่งบงกช และ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับแหล่งเอราวัณ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 70,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันโดยเฉลี่ย ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของปริมาณการขายปิโตรเลียมในปี 2565-2566 อย่างไรก็ตามราคาขายก๊าซธรรมชาติ จากทั้งสองแหล่งมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าราคาในสัมปทานปัจจุบัน แม้ว่าจะมีการปรับราคาขายตามอัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันแล้วก็ตาม ปตท.สผ. คาดว่าจะลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้ แต่การประหยัดต้นทุนนั้นไม่น่าที่จะสามารถชดเชยราคาขายที่ลดลงได้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะส่งผลให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ลดลง
ข้อกำหนดที่สำคัญสำหรับการต่ออายุโครงการคือ ผู้ดำเนินการจะต้องผลิตก๊าซธรรมชาติ อย่างน้อย 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากแหล่งบงกช และ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันจากแหล่งเอราวัณ ซึ่ง ปตท.สผ. ในฐานะผู้ดำเนินการปัจจุบันในแหล่งบงกช และผู้ดำเนินการในแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติที่มีความชำนาญในอ่าวไทย น่าจะสามารถรักษาปริมาณการผลิตของแหล่งดังกล่าวให้อยู่มากกว่าปริมาณการผลิตขั้นต่ำตามสัมปทานได้
ฟิทช์คาดว่าสถานะของปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของปตท. จะดีขึ้นหลังจากการต่อสัญญาสัมปทาน ณ สิ้นปี 2560 โครงการเอราวัณ และโครงการบงกชมีปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (proved reserves) อยู่ที่ประมาณ 77 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบและ 243 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบตามลำดับ อ้างอิงจากรายงานประจำปีของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติกระทรวงพลังงาน ปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งบงกช เนื่องจาก ปตท.สผ. จะเป็นผู้ดำเนินการต่อเนื่องและจะยังคงการสำรวจและพัฒนาพื้นที่ในสัมปทานต่อไป ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วต่อการผลิตได้ (proved reserve life)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศว่า ปตท.สผ. ได้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตแหล่งเอราวัณและบงกช ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (production sharing contract) สัญญาดังกล่าวคาดว่าจะมีการลงนามภายในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 โดยสัญญาสัมปทานบงกชและเอราวัณเดิมมีกำหนดจะหมดอายุในปี 2565 – 2566