PwC เผยองค์กรทั่วโลกขาดการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรสำหรับการทำงานยุคดิจิทัล

พุธ ๑๙ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๕:๐๐
PwC เผยผลสำรวจพบ องค์กรทั่วโลกยังขาดการเตรียมพร้อมด้านการบริหารบุคลากรในการทำงานยุคดิจิทัล หลังเทคโนโลยีเอไอ เทคโนโลยีดิจิทัลโมบิลิตี้ และการทำงานร่วมกันในสิ่งแวดล้อมเสมือน จะเปลี่ยนโลกการทำงานยุคใหม่ หลายองค์กรเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงในการบริหารกำลังคน โดยพบองค์กรส่วนใหญ่ไม่มีการนำข้อมูลและการวิเคราะห์ขั้นสูงมาช่วยประกอบการพิจารณาด้านกำลังคน แนะองค์กรไทยดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกำลังคน

ดร. ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการศึกษา Workforce of the Future ประจำปี 2561 ของ PwC ซึ่งทำการสำรวจร่วมกับ นางสาว ลินดา แกรทตัน ศาสตราจารย์ด้านการบริหารจัดการ แห่งสถาบัน London Business School ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำทางด้านธุรกิจและทรัพยากรบุคคล จำนวน 1,246 ราย จาก 79 ประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่ความสามารถขององค์กร 45 ประการ และศึกษาถึงปัจจัยความเสี่ยงที่เป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่สุดต่อองค์กร โดยพิจารณาจากจำนวนการตอบแบบสอบถามว่าความสามารถในการบริหารบุคลากรด้านใดที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคตว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีจะส่งผลต่อการทำงานในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การบริหารจัดการกำลังคนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำงานในอนาคต โดยพบว่า องค์กรทั่วโลกส่วนใหญ่ตระหนักดีว่า ความสามารถขององค์กรในการบริหารบุคลากรด้านใดที่จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา แต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่ประสบความสำเร็จในการลงมือปฏิบัติ

นาย แบร์รี่ วอร์สเตอร์ ที่ปรึกษาสายงาน People and Organisation ของ PwC กล่าวว่า เทคโนโลยีระดับโลก เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ เทคโนโลยีดิจิทัลโมบิลิตี้ (Digital Mobility) และความสามารถในการทำงานร่วมกันในสิ่งแวดล้อมเสมือน (Virtual Collaboration) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะส่งผลให้สถานที่ทำงานเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นี่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับองค์กรในการสร้างบรรยากาศที่จะเอื้อให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความหมาย และเติมเต็มชีวิตในการทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งบริษัทที่เข้าใจและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านกำลังแรงงานเหล่านี้ จะไม่ได้มีเพียงแค่ทักษะในด้านต่างๆ แต่ยังสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงาน สร้างนวัตกรรม และปรับตัวเพื่อการเติบโตได้

ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวได้จัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการที่บริษัทจำเป็นต้องทำเพื่อปิดช่องว่างระหว่างตำแหน่งปัจจุบันขององค์กร และตำแหน่งที่พวกเขาต้องการในอนาคต ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานในวันนี้

ศักยภาพของข้อมูลและการวิเคราะห์ที่องค์กรยังเข้าไม่ถึง

จากผลการศึกษาพบว่า ผู้บริหารกลับยังไม่มีมาตรการในการดำเนินการเรื่องความสามารถขององค์กรในการบริหารบุคลากร ซึ่งการศึกษานี้เรียกสิ่งเหล่านั้นว่า 'ความเสี่ยง' โดยพบว่า บริษัทต่างๆ กำลังประสบปัญหาในการนำข้อมูลและการวิเคราะห์ขั้นสูงมาช่วยประกอบการพิจารณาด้านกำลังคนให้ดีขึ้น ซึ่ง 'ความเสี่ยง' สามอันดับแรกขององค์กรเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์กำลังคน การใช้งานเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน และพฤติกรรมของคน

แม้ว่ากว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้พิจารณาด้านกำลังคนนั้นมีความสำคัญ แต่มีแค่เพียง 27% เท่านั้นที่ใช้จริง นอกจากนี้ มีเพียง 38% ที่ได้ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำนายและตรวจสอบช่องว่างของทักษะในการทำงาน ขณะที่ 31% ได้ใช้การวางแผนกำลังคนที่มีความซับซ้อนและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ และ 28% ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยลดอคติในการจ้างงาน และสร้างแรงจูงใจที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ทั้งนี้ ผู้นำธุรกิจที่เข้าร่วมตอบแบบสอบถามจากทวีปอเมริกาเหนือ มีความก้าวหน้ามากกว่าองค์กรที่ดำเนินธุรกิจลักษะเดียวกันในภูมิภาคอื่นๆ ของโลก โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรปตะวันตก แต่อย่างไรก็ตาม เกือบทุกอุตสาหกรรมต่างพบว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากในการนำข้อมูลและการวิเคราะห์มาใช้ในองค์กร ยกเว้นอุตสาหกรรมการให้บริการทางด้านสุขภาพ ซึ่งได้มีการนำข้อมูลมาใช้เพื่อระบุทักษะต่างๆ และขจัดอคติในการจ้างงานและการให้รางวัล

ด้านนางสาว มอร์รา จาร์วิส รองผู้อำนวยการ สายงาน People and Organisation ของ PwC กล่าวเสริมว่า "การวิเคราะห์ข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า จะช่วยให้องค์กรสามารถมองทะลุถึงตัวชี้วัดด้านความต้องการบุคลากรในอนาคต มีความเข้าใจว่าจะสร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูด กำจัดข้ออคติในการคัดเลือก การมอบหมายงาน และการประเมินผลให้กับพนักงานได้อย่างไร"

การสร้างประสบการณ์ที่เหมาะกับบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ

ผลการศึกษายังระบุด้วยว่า 6 ใน 10 อันดับแรกของ 'ความเสี่ยง' เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้คน โดยผู้ตอบแบบสอบถามจากแอฟริกาต่างให้ความเห็นว่า การทำงานเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เราสามารถทำงานที่ใดก็ได้ (Virtual working) การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล (Data-driven decisions) และความสมดุลในการทำงานและดำเนินชีวิตส่วนตัว (Work-life balance) ถือเป็นความเสี่ยงสามอันดับแรก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่องค์กรสามารถทำได้มากขึ้นกว่าเดิมคือ การบริหารจัดการปริมาณงาน ในขณะที่ 76%ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า การบริหารจัดการปริมาณงานเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งมีเพียง 50% ที่ระบุว่า พวกเขาได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว ส่งผลให้ประเด็นนี้กลายเป็น 'ความเสี่ยง' อันดับที่ 6 ขององค์กรทั่วโลก โดยประเด็นนี้เป็นปัญหาที่สำคัญขององค์กรในตะวันออกกลางและอเมริกาเหนือ และอยู่ในอันดับที่ 3 ขององค์กรในเอเชีย แต่มีความเสี่ยงน้อยสำหรับองค์กรในยุโรปตะวันตก (อันดับที่ 11)

ทั้งนี้ มีหลายคนที่ทำงานในวัฒนธรรมองค์กรที่กดดันเป็นอย่างมาก ในขณะที่องค์กรที่ร่วมทำการสำรวจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้มีความคิดริเริ่มที่จะสร้างกิจกรรมต่างๆ ที่เอื้อให้คนในองค์กรมีความคิด อารมณ์ สังคม และจิตใจที่ดีขึ้นในระหว่างการทำงานภายในองค์กร แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อองค์กรได้ออกแบบลักษณะการทำงานรูปแบบใหม่ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งเสริมให้เกิดพลังในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น องค์กรต่างๆ ต้องให้ความสนใจต่อการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับอนาคตในการทำงานของพนักงาน

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังมีบางส่วนของ 'ความเสี่ยง' อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้คน ที่น่าสนใจ ดังนี้

- ความสามารถในการปรับตัวและความคล่องตัว ในขณะที่ 78% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า การพัฒนาความสามารถในการปรับตัว และความคล่องตัวของพนักงานเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยมีเพียง 52% ที่กล่าวว่า วิธีการปฏิบัติต่อทาเลนต์และการออกแบบการทำงานจะเอื้อให้เกิดการปรับตัวและความคล่องตัว ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะยิ่งทวีความสำคัญขึ้น เพราะบรรดาพนักงานมีความจำเป็นต้องปรับตัว เติบโต และก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปให้ได้

- การมีพนักงานซึ่งมีความสามารถและมีแนวคิดริเริ่มเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร (Intrapreneurship) เพียง 56% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาได้วางแผนเส้นทางให้กับพนักงานที่จะนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมที่จะสนับสนุนในการเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์นั้นไปสู่การปฏิบัติได้จริง ซึ่งองค์กรใดที่ไม่สามารถสร้างโอกาสให้กับบุคลากรภายในองค์กรได้อย่างเหมาะสมมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียพนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์และไอเดียของพนักงานไป

- ความมีอิสระ: การให้ความเป็นอิสระในด้านสถานที่และเวลาในการทำงานของพนักงานมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นที่จะช่วยดึงดูดและรักษาทาเลนต์ขององค์กรไว้ ขณะที่ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่มีเพียง 45% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้ให้อิสระในการทำงานกับพนักงานในระดับสูงแล้ว

ทั้งนี้ ผลการศึกษาในครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณเตือนให้องค์กรระมัดระวังถึงที่สิ่งที่คาดไม่ถึง

นางสาว จาร์วิส อธิบายว่า "องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบของความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ เช่น การส่งเสริมให้พนักงานสามารถทำงานนอกสถานที่ได้ อาจจะทำให้พนักงานรู้สึกว่า ตนต้องสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงและในทุกๆ วันเพื่อพิสูจน์ตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีเส้นแบ่งระหว่างความเป็นอิสระและความโดดเดี่ยว ซึ่งหากเกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนอาจทำให้หมดพลังและความยืดหยุ่นทางสังคมลง และอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาพนักงานไว้กับองค์กรอีกด้วย"

ต้องดึงดูดทาเลนต์ที่ยืดหยุ่นและมีความคิดสร้างสรรค์

ปัจจุบันวิธีการทำงานของคนทำงานและความสัมพันธ์กับองค์กรต่างๆ เริ่มเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น จะเห็นได้ว่า การจ้างงานพนักงานแบบชั่วคราว (Contractor) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelancers) และ คนที่รับทำงานแบบรายโปรเจ็ค (Gig workers) มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการจับมือระหว่างองค์กรใหญ่และองค์กรเล็กที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพซึ่งมีความพร้อมที่จะให้บริหารด้านนวัตกรรมและมีทาเลนต์ที่เหมาะสมตามความต้องการ

ดังนั้น การระบุทิศทางและวิธีการที่จะจ้างงานทาเลนต์ที่มีความยืดหยุ่น กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นขององค์กรต่างๆ แต่กลับมีองค์กรไม่กี่แห่งที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยมีเพียง 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า องค์กรของพวกเขามีความสามารถที่จะจ้างงานทาเลนต์ที่มีความยืดหยุ่นได้อย่างง่ายดายด้วยทรัพยากรอันมีค่าเมื่อใดที่ต้องการ นอกจากนี้ 58% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขาไม่มีความสามารถในการใช้นวัตกรรมที่เปิดกว้างและความคิดสร้างสรรค์ที่มีจากการร่วมกันคิดของกลุ่มคนได้ และมีเพียงแค่ 9% เท่านั้นที่เห็นพ้องกันว่าพวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าองค์กรต่างๆ ยังมีสิ่งที่จำเป็นต้องทำอีกมากเพื่อใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ และทักษะต่างๆ จากตลาดแรงงานที่กว้างขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ฐานพนักงานแบบเดิมๆ

ผลการศึกษา PwC's Workforce of the Future of workforce ยังชี้ให้เห็นข้อสังเกตที่น่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้:

- ผู้นำฝ่ายทรัพยากรบุคคลต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้นในสิ่งที่พวกเขาต้องทำเพื่อเตรียมบุคลากรในอนาคตเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้นำในฝ่ายงานอื่นๆ ทั้งนี้ ใน 42 ของ 45 ความสามารถนั้นเปอร์เซ็นต์ของผู้นำธุรกิจซึ่งมีจำนวนมากกว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลต่างเห็นว่าองค์กรของตนมีความเสี่ยง

- ความสามารถในการจัดการทรัพยากรบุคคลในมุมมองด้านเทคโนโลยีเป็น 'ความเสี่ยง' อันดับต้นๆ ขององค์กร แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้นำฝ่ายอื่นๆ กลับเห็นต่างออกไป โดย 41% ของผู้นำฝ่ายทรัพยากรบุคคลต่างมั่นใจว่าฝ่ายของพวกเขามีความรวดเร็วในการรับมือต่อเรื่องดังกล่าว แต่มีเพียงแค่หนึ่งในสี่ของผู้นำธุรกิจที่เห็นด้วย

- สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ความสามารถที่ผู้ตอบแบบสอบถามต่างประเมินว่าสำคัญที่สุด คือ ความสามารถในการดำเนินการในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ทั้งนี้จาก 'ความเสี่ยง' 10 ด้าน ไม่มีประเด็นที่ทับซ้อนกัน และ 10 อันดับแรก ถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด

การศึกษาของเราแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่น่าสนใจแต่ยังมีช่องว่างระหว่างความเข้าใจปัญหาและการลงมือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวยังคงเป็นช่องว่างที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นที่สำคัญ คือการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นำทางด้านธุรกิจและฝ่ายทรัพยากรบุคคล ในการที่จะกำหนดวิสัยทัศน์ด้านเป้าหมายหรือทิศทางที่ยิ่งใหญ่ขององค์กร ซึ่งจะสะท้อนออกมาจากวิธีการสร้างพนักงานให้พร้อมต่อการทำงานในอนาคต

"ในท้ายที่สุด การเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตเป็นเรื่องที่องค์กรต้องดำเนินการในวันนี้ เพื่อที่จะรับมือกับความเป็นจริงใหม่ๆ พร้อมกับตระหนักถึงความเร่งด่วน และการทำงานร่วมกับพนักงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร" นางสาว จาร์วิส กล่าว

ด้าน ดร. ภิรตา แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า งานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงแค่งานในความรับผิดชอบของแผนกไอที หรือฝ่ายการตลาดอีกต่อไป วันนี้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลจำเป็นต้องเริ่มหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ให้ได้อย่างเต็มที่ เพื่อช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพนักงานทำได้ดียิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยนั้น ตนมองว่าประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะคนไทยเรามีขนมธรรมเนียมเรื่องการให้ความเคารพต่อผู้ใหญ่ และมีความเกรงใจต่อกัน ซึ่งเมื่อนำการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาใช้ จะทำให้เห็นข้อเท็จจริง และลดปัญหาในเรื่องดังกล่าวที่ก่อให้เกิดความอคติทั้งในกระบวนการประเมินผลงาน จ้างงาน หรือแม้กระทั่งการให้รางวัล

"เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จในอนาคต องค์กรไทยจำเป็นต้องคิดทบทวนว่า ต้องการแรงงานในรูปแบบใด หรือมีความชำนาญในด้านใด ซึ่งรวมไปถึงการริเริ่มนโยบายต่างๆ ที่จะช่วยดึงดูดทาเลนต์ที่มีความสามารถอย่างแตกต่างหลากหลาย เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่า สงครามแย่งชิงทาเลนต์ของไทยนั้นค่อนข้างจะครุกรุ่นเลยทีเดียว ดังนั้นหากองค์กรมีวิธีการที่จะเข้าถึงแรงงาน จะทำให้องค์กรสามารถปรับตัวในการจ้างงาน เมื่อต้องการแรงงานที่มีความสามารถในบางทักษะ หรือที่องค์กรต้องการ ณ เวลานั้นๆ ได้อย่างทันท่วงที

"นอกจากนี้ การมีพนักงานซึ่งมีความสามารถและมีแนวคิดริเริ่มเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ยังเป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในองค์กรใหญ่ๆ ซึ่งสรุปอย่างคร่าวๆ ก็คือ ตอนนี้เหล่าองค์กรใหญ่ต่างๆ กำลังทำงานร่วมกันกับสตาร์ทอัพเพื่อสร้างนวัตกรรม และธุรกิจใหม่ๆ นั่นเอง ซึ่งในอนาคต เราจะเห็นการจับมือกันมากขึ้นขององค์กรใหญ่ๆ และสตาร์ทอัพเล็กๆ ซึ่งจะทำให้องค์กรมีความพร้อมที่จะเข้าถึงนวัตกรรมและทาเลนต์ได้อย่างที่ต้องการ ในขณะที่ได้รับไอเดียและทักษะต่างๆ จากแหล่งที่กว้างขึ้น"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version