เอ็นไอเอ ชู “การทูตนวัตกรรม” เครื่องยนต์ใหม่ดันไทยสู่ “อินโนเวชั่นเนชั่น” ปักธง 3 เป้าหมายพัฒนานวัตกรรมไทยควบคู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

พุธ ๑๙ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๘:๒๒
- เอ็นไอเอ เดินหน้าจับมือกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ "การทูตนวัตกรรม" หนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่สากล

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ลงนามความร่วมมือกับกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยให้มีโอกาสก้าวสู่ระดับสากล พร้อมเปิดแนวคิด "การทูตนวัตกรรม หรือ Innovation Diplomacy" เพื่อนำความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นประเทศแห่งนวัตกรรม หรือ Innovation Nation โดยตั้งเป้าหมายใน 3 ด้าน คือ การสร้างเครือข่ายในกลุ่มองค์กรรัฐและองค์กรนานาชาติที่มีหน้าที่คล้ายคลึงกัน การเชื่อมโยงกับนักลงทุนที่สนใจการทำธุรกิจนวัตกรรมกับภาคเอกชนไทย และการเพิ่มพูนศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลให้แก่ภาคธุรกิจนวัตกรรมด้วยการสรรหาความร่วมมือกับนักทุนและบริษัทข้ามชาติมาร่วมลงทุนและจัดตั้งธุรกิจกับสตาร์ทอัพไทย

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา NIA จะเน้นการเป็นศูนย์กลางในด้านการพัฒนาระบบนวัตกรรม การให้คำปรึกษา และการให้ทุนสนับสนุน ซึ่งในก้าวต่อไป NIA เล็งเห็นความสำคัญในการขยายบทบาทในการเป็น "สะพานเชื่อม" ระหว่างหน่วยงานพันธมิตร นวัตกร และผู้ประกอบการ โดยมีองค์ความรู้ การสร้างระบบนิเวศ ไอเดียทางธุรกิจ การเผยแพร่แนวคิดการพัฒนานวัตกรรมแบบเปิด รวมถึงโอกาสใหม่ๆ มาใช้ต่อยอดคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจร่วมกัน นอกจากนี้ การปรับบทบาทดังกล่าวยังจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางนวัตกรรมในระดับภูมิภาค การเข้าถึงทรัพยากรและการบริการ ลดอุปสรรคในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ตลอดจนขยายผลความร่วมมือไปสู่กิจกรรมเป้าหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยสำคัญ

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า เพื่อให้บทบาทและแนวนโยบายดังกล่าวเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ล่าสุด NIA จึงได้พัฒนากรอบแนวคิด "การทูตนวัตกรรม" ขึ้น โดยอาศัยพื้นฐานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับหน่วยงานที่มีศักยภาพทางนวัตกรรมทั่วโลกมายกระดับความเป็นสากลของนวัตกรรมไทย และพัฒนาภาพลักษณ์ประเทศให้ก้าวสู่การเป็น "ประเทศแห่งนวัตกรรม" ในสายตาของประชาคมโลก โดยภายใต้บริบทการพัฒนา "การทูตนวัตกรรม" NIA ได้กำหนดกรอบการดำเนินงานวิเทศสัมพันธ์ออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ การสำรวจและสื่อสารผ่านข้อมูล เพื่อนำไปสู่การมองหาโอกาสการพัฒนาความร่วมมือ การโน้มน้าวและส่งเสริม ด้วยการสื่อสารเชิงลึกและการสร้างความเชื่อถือ เพื่อมองหาโอกาสและประโยชน์ร่วมกันบนฐานความร่วมมือที่พัฒนา การปลูกฝังและสร้างความร่วมมือ ซึ่งอาจอยู่ในลักษณะข้อตกลงความร่วมมือในลักษณะ MOU หรือการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมร่วมกัน และการกระตุ้นและขยายผลไปสู่วงกว้าง หรือไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดเชิงคุณค่าและมูลค่า และผลักดันนวัตกรรมให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามกรอบยุทธศาสตร์ NIA ในช่วง พ.ศ. 2560–2565 NIA ยังได้ดำเนินการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมุ่งเป้าหมายใน 3 ด้าน คือ 1) การสร้างเครือข่ายในกลุ่มองค์กรรัฐและองค์กรนานาชาติที่มีหน้าที่คล้ายคลึงกัน (Government-to-Government หรือ G2G) โดยเป็นความร่วมมือกับองค์กรรัฐที่มีบทบาทและภารกิจคล้ายกับ NIA และองค์กรนานาชาติที่มีความสำคัญในการแพร่กระจายองค์ความรู้ผ่านเครือข่าย ตลอดจนการพัฒนากรอบความคิดต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการเป็น "ประเทศแห่ง

นวัตกรรม" เช่น ความร่วมมือกับ Israel Innovation Authority (IIA) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันระหว่างบริษัทไทยและบริษัทอิสราเอล ความร่วมมือกับองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก หรือ WIPO ซึ่งเป็นหน่วยงานในการจัดทำดัชนีนวัตกรรมระดับโลก เพื่อหาแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงดัชนีนวัตกรรมของประเทศให้สูงขึ้น และความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพทางนวัตกรรมในระดับเยาวชน และนวัตกรรมเชิงสังคมร่วมกับกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) 2) การเชื่อมโยงกับนักลงทุนที่สนใจการทำธุรกิจนวัตกรรมกับภาคเอกชนไทย (Government-to-Investor หรือ G2I) ด้วยการทำอย่างอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆ และองค์กรต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี ตลอดจนการสนับสนุนให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจ และ 3) การเพิ่มพูนศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลให้แก่ภาคธุรกิจนวัตกรรม (Government-to-Startup หรือ G2S) ด้วยการประสานความร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติ เพื่อให้เกิดการค้นหาศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการ การพัฒนาองค์ความรู้ และการสร้างตลาดสำหรับการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย

สำหรับกรอบความร่วมมือที่ลงนามในวันนี้ จะเน้นให้เกิดการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ระดับสากล โดยผ่านกลไก "การทูตนวัตกรรม" โดยจะมีการหารือเพื่อกำหนดเป้าหมาย แผนกลยุทธ์ และกิจกรรมการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งนี้ NIA จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรม และให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนานวัตกรรมทั้งด้านสินค้าและบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการในระดับสากลตามนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของ NIA เพื่อส่งให้กับกระทรวงต่างประเทศในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการดังกล่าวให้สามารถก้าวสู่ระดับสากลผ่านกลไกทางการทูตต่อไป โดยมีกรอบความร่วมมือ 3 ปี

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 เว็บไซต์ http://www.nia.or.th , facebook.com/NIAThailand

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ