ล่าสุด รุ่ง สุริยา ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร ถึงประเด็นที่ว่า เคยตกอับ ไม่มีเงิน ต้องผันตัวไปเป็นพนักงานขายตรง เครียดหนักเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย
กว่าจะมีวันนี้ 30 กว่าปีที่แล้วเห็นว่าลำบากมาก?
รุ่ง : เข้าวงการตั้งแต่อายุ 17 ปี แล้วก็เข้ามาโดยการประกวดร้องเพลง เดินสายประกวด ทางบ้านมีพี่น้อง 7 คนแล้วเราก็เป็นคนสุดท้อง พี่ๆก็จบแค่ป.4- ป.6 แล้วเขาก็อยากให้น้องสุดท้องเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาก็ช่วยกันทำงานแล้วก็ส่งเราเรียน ตอนที่เรียนก็ไม่คิดว่าเราจะมาสายนี้หรอก แต่คงเป็นเพราะว่าเขาคงคิดไว้แล้วแหละ ก็ได้ไปประกวดแล้วก็เข้ามาในวงการ
ตอนนั้นประสบความสำเร็จในวงการเลยไหม?
รุ่ง : ไม่ประสบความสำเร็จครับ เอาแบบภาษาบ้านๆของเราเลยก็คือ ทำวงเจ๊งนั่นเอง เพราะว่าอันแรกเลยผมคิดว่ามันคงยังไม่ถึงเวลา แล้วสองก็คือเราคงยังไม่ได้ลำบากหรือว่าผ่านอุปสรรคอะไร ที่มันหนักๆมา แล้วทำให้เราดังเลยมันก็ไม่น่าจะใช่ มันสำเร็จง่ายเกินไป
หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในวงดนตรี แล้วมาทำอะไรต่อ?
รุ่ง : หลังจากนั้นก็ยุบวง แล้วก็คนที่ปั้นผมตอนนั้นก็ปิดค่ายไปเลย ก็โดนตราหน้าว่าทำผู้มีพระคุณเจ๊ง หลังจากนั้นเราก็เคว้งคว้าง ก็ไปเล่นตลก 6 เดือน ไปอยู่กับคณะของอายอด นครนายก เสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นครับ เราก็คิดว่าทำยังไงดี ก็ไปอยู่คาเฟ่ครับ ซึ่งตอนที่ไปสมัครเขาก็ไม่รับ แล้วก็เอาโปสเตอร์ผลงานของเราที่เคยอัดแผ่นเสียงไปให้เขาดู เขาก็รับ ได้ค่าตัว 80 บาท ทั้งๆที่นักร้องที่ร้องประจำจะได้ 100 บาท แต่เราก็ต้องจำใจรับเพราะถ้าไม่รับเราก็ไม่มีกินครับ เพราะเราเคยปฏิญาณตัวเองว่า ถ้าไม่ดังจะไม่กลับบ้าน ก็ร้องคาเฟ่อยู่ 4-5 ปีครับ
แล้วชีวิตหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?
รุ่ง : ก็ต้องย้อนไปตอนที่อยู่คาเฟ่ ก็ไปเช่าบ้านอยู่ ไม่มีเงินขนาดต้องไปเซ็นมาม่ามากิน คือติดเขาไว้ก่อน พอเงินเดือนออกแล้วค่อยเอามาใช้เขา ความลำบากที่เราเจอในตอนนั้นมันเป็นความคับแค้นใจ ที่ไม่สำเร็จ แล้วก็ทิ้งการเรียนมาด้วย มันรู้สึกว่าทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทั้งๆที่เราวาดฝันไว้สวยหรู ทำวงก็เจ๊ง มาร้องคาเฟ่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วเผอิญว่ามีเพื่อนมาชวนไปทำขายตรง ตอนนั้นก็ไฟแรงมากทำอยู่ 2-3 เดือน ก็สำเร็จในระดับนึงนะ แต่มันก็มีปัญหาอีก เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลังอีกแล้ว เสร็จแล้วความรู้สึกเราก็เลยเป็นลบ เพราะเป็นแบบนี้เราก็ไม่ทำแล้ว
แล้วตอนนั้นจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
รุ่ง : ตอนนั้นคือเดินมาคนเดียวตั้งแต่อายุ 17 มันรู้สึกว่าเราไม่มีภูมิคุ้มกันในหัวใจ มันกระทบเยอะมาก เป็นเสาหลักก็ไม่ได้เป็นแล้ว เรียนก็ไม่จบทั้งๆที่ทุกคนและคุณแม่คาดหวังกับเรามาก พอมาทำงานก็ไม่สำเร็จอีก แล้วต้องมาอยู่อย่างนี้ด้วย สมัยก่อนตอนที่เราเป็นหัวหน้าวง ใครๆก็เคารพนบนอบ ที่นี้เหมือนว่า มันหล่นลงมา จากความฝันที่แบบว่าสูงสุด มันก็แบบว่าไปไม่เป็น
เคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วยจริงไหม?
รุ่ง : จริงครับ ก็คือว่าชาวบ้านอยู่ แล้วเราก็มาคิดประมวลอะไรต่างๆนานา ก็คิดอยู่คนเดียว มันก็สับสน ฟุ้งซ่านไง ตอนนี้เราไม่เหลืออะไรเลย เงินก็ไม่มี ขนาดเงินจะกินยังไม่มีเลย แล้วจะไปช่วยใครได้ แล้วก็รู้สึกอาย คนตราหน้า เรียนไม่จบ แล้วเป็นเด็กวัดด้วย มันถาโถมเข้ามาหมด แล้วประกอบกับมีของมึนเมาเข้ามาเสริมด้วยกำลังได้ที่เลย ก็เกิดความกล้าในใจ คิดจะกระโดดตึก ก็คิดว่าจะตายๆให้หมดเรื่องไป
แล้วอะไรทำให้คิดได้ ผ่านการกระโดดตึกครั้งนั้นมาได้ยังไง?
รุ่ง : จังหวะที่เราก้าวไปที่ระเบียงเนี่ย พอก้าวไปปุ๊ป น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ว่าชีวิตเราทำไมไร้ค่าอย่างนี้ แล้วก็นึกถึงคุณแม่ คุณพ่อก็เสียแล้วตอนนั้นเหลือคุณแม่เป็นเสาหลักของครอบครัว แล้วถ้าเกิดว่าเราเป็นอะไรไป พี่น้องเนี่ยดูแลเรามาเพื่อจะให้เรา สำเร็จแล้วก็ให้เราดูแลครอบครัว เรายังไม่ได้กลับไปหาแม่เลย มันก็ปิ้งขึ้นมา แล้วเราก็ถอยออกมา มันอาจจะเป็นบุญของเราด้วย เทวดาอารักษ์ที่คุ้มครองตัวเราอยู่ มาสะกิด มาตักมาเตือนเรา ให้เราต้องอยู่ต่อไป หลังจากนั้นก็ตัดสินใจกลับไปหาแม่ แล้วบอกแม่ว่าอยากจะบวช หลังจากบวชได้ 1 พรรษา ก็สึกออกมาแล้วก็คิดว่าอยู่กับแม่ดีกว่า หางานร้องเพลงแถวๆบ้าน ทำอะไรก็ได้ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆแม่
หลังจากไปอยู่บ้าน เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงกลับมาดังได้?
รุ่ง : พูดแล้วขนลุกเลยครับ ผมร้องเพลงอยู่ที่สระบุรี ก็มีครูเพลงครับ คือครูพร พนาไพร ไปนั่งทานข้าว ระหว่างนั้นผมก็ขึ้นไปร้องเพลง ครูก็บอกเด็กให้ไปเรียกนักร้องคนนั้นมา ผมก็ตกใจครับตอนนั้น เรียกผมมาแล้วก็บอกว่าอาจารย์เป็นนักแต่งเพลงนะ กำลังหานักร้องอยู่ แล้วก็ให้ผมร้องเพลงลูกทุ่ง ผมก็คิดในใจงั้นเข้าทางเราสิ พอร้องปุ๊บก็โดนเลย อาจารย์มีเพลง 2 เพลง ให้ผมร้องนั่นคือ "วอนพ่อตากสิน" แล้วก็ "รักจริงหวังแต่ง" ซึ่งทำให้ผมดังมาก เป็นเพลงสร้างชื่อเลย แล้วก็ทำให้ผมได้รับรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทานด้วย
แล้วชื่อ "รุ่ง สุริยา" ได้มาจากไหน?
รุ่ง : ต้องย้อนไปอีกนิดนึงครับ คือ "ครูพร พนาไพร" หลังจากที่มาเจอผมแล้วก็ชวนมาทำเพลงด้วยกัน เราก็เสียเปรียบมาเยอะเลยกล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าตัดสินใจ อาจารย์ก็ทิ้งเบอร์ไว้ให้ ผมก็ตัดสินใจอยู่เดือนนึง ความคิดผมมันวกไปวนมา จะทำเพื่ออะไร ในเมื่อเรามาอยู่กับแม่แล้วเรามีความสุขแล้ว แต่บทสรุปของมัน มันตกผลึกตรงที่ว่า เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็ลองดูก็ได้ ก็เลยโทรกลับมาหาอาจารย์ครับ แล้วก็ลุยเลยครับ "รุ่ง สุริยา" creative เป็นคนตั้งให้ครับ ชื่อนี้ท่านบอกว่า รุ่งอรุณของวันใหม่ เริ่มต้นวันใหม่ ดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงในยามเช้า มันจะสว่างมันจะเริ่มใหม่ ก็เลยกลายเป็นฉายา "สุภาพบุรุษลูกทุ่ง รุ่ง สุริยา" หลังจากนั้นก็มีคนรู้จักเยอะเลยครับ
หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว มีข่าวว่าหลงชีวิต ดื่มหนักจนเสียงาน จริงไหม?
รุ่ง : อันนี้กล้าที่จะบอกเลยครับ คิดว่าหนักพอสมควร ไปกินไปเที่ยวนี้แหละแต่ไม่ถึงขั้นกับติดหรืออะไร มันไม่ได้ดื่มทุกวันหรอก แต่เราเป็นคนของประชาชน แฟนเพลงแฟนคลับเห็นเราดื่มครั้งหนึ่งหรือว่าถือแก้วขึ้นมาเนี่ย เขาก็คิดว่า ดื่มอีกแล้ว รุ่ง สุริยาอะไรเนี่ย แต่ที่สำคัญครับ บอกกับตัวเองเลยว่าผิดพลาดมาตลอด และเป็นสิ่งที่เตือนตนตลอดเวลาในการทำงาน มันทำให้เราเสียงาน และนี่แหละครับเป็นสิ่งที่ทำให้เราตกลงมา พอดื่มไปเยอะๆแล้วมันทำให้เราแฮงค์ หรือบางทีทำงานได้ไม่เต็มที่ และที่สำคัญมันไปสาย ทำให้เขารอนี่ อันนี้มันเป็นผลกระทบครับ มันเป็นตราบาปในใจผมเลย หลังจากนั้นมันทำให้เราดร็อปลงเรื่อยๆ เพราะเราไม่ได้ออกอัลบั้มมา 2 ปีด้วย
หยุดดื่ม แล้วหันมาดูแลตัวเองตรงจุดไหน?
รุ่ง : พอมีวันหนึ่งที่มันไม่มีเสียง เราก็มาพิจารณา แล้วเราจะหาเลี้ยงครอบครัวยังไง เราไม่มีเสียงร้อง ก็คิดได้ว่าต้องหยุด ผมก็หยุดดื่มแบบหักดิบเลย ตอนนี้ก็ผ่านมา 7 ปีแล้วครับ มองย้อนกลับไป มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เขาเรียกว่าถ้าไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม
มีคนลือสนั่นว่า "รุ่ง สุริยา" ไม่แมน รู้สึกยังไง?
รุ่ง : มันก็เป็นเรื่องของเขาที่เขาจะพูดนะ ปรกติก็เหมือนว่าเราเป็นคนสนุกสนานร่าเริง เวลาเจอผู้ชายหรือเพื่อนผู้ชายอะไรแบบนี้ เราก็เล่นหัวได้ แบบเป็นกันเอง หรือผมอาจจะเดินตุ้งติ้งไปหน่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ "รุ่ง สุริยา
https://youtu.be/F4PbXN4eqjA