ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งซึ่งเล็งเห็นว่า ความต้องการเครื่องปรับอากาศในยุคที่ประเทศกำลังเจริญก้าวหน้า และมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเชิงพาณิชย์ อาทิเช่น หน่วยงานราชการ, โรงงานอุตสาหกรรม, อาคารพาณิชย์ และห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งขณะนั้นขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น โดยจะมีอุณหภูมิที่สูงมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนของแต่ละปี ทำให้มีความต้องการในการใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อให้ผ่อนคลายความร้อน มีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ เครื่องปรับอากาศ ภายใต้ตราสินค้า "เซ็นทรัลแอร์" ซึ่งได้เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2521 เพื่อรองรับกับปริมาณความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศในประเทศ และเพื่อทดแทนการนำเข้าเครื่องปรับอากาศจากต่างประเทศ ซึ่งในช่วงเวลานั้นในเมืองไทยมีเพียงเฉพาะเครื่องปรับอากาศนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เครื่องปรับอากาศสัญชาติอเมริกันที่นำเข้ามาในประเทศเวลานั้นมีราคาที่สูง และผู้ที่มีกำลังซื้อได้จะเป็นเฉพาะกลุ่มคนที่มีฐานะดีมากเท่านั้น ดังนั้นการที่มีทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น โดยสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ราคาถูกกว่า
ประกอบกับเป็น สินค้าที่มีคุณภาพดี มีอายุการใช้งานได้ยาวนาน และยังมีการบริการที่ทำให้ลูกค้าประทับใจทั้งการติดตั้ง และการบริการหลังการขาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคการผลิตของไทยให้มีการพัฒนาเจริญเติบโตให้เทียบเคียงกับประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า นำไปสู่การผลิตเพื่อการส่งออก และยังนำเม็ดเงินเข้าประเทศได้
ในช่วงเวลานั้น เครื่องปรับอากาศทั้งของไทยและญี่ปุ่นต่างก็ขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการเจริญเติบโตของทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งในเชิงพาณิชย์และเพื่อการอยู่อาศัย ขณะเดียวกับคนไทยก็เริ่มให้การยอมรับ และหันมานิยมสินค้าที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องพยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญจากภูมิภาคเดียวกันให้ได้
ดังนั้นคุณเรืองพันธ์ ศรีอ่อน จึงได้คิดหาช่องทางที่จะมีสินค้าเพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเฟื่องฟูมากในขณะนั้น โดยการพัฒนาสินค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องจนได้รับ "รางวัลผลิตภัณฑ์ดีเด่น" 5 ปี ต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2530 - 2534 จากสำนัก -นายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังพยายามหาสินค้าที่เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้มากกว่าสินค้าจากคู่แข่งแดนอาทิตย์อุทัย จึงเริ่มพัฒนาเครื่องปรับอากาศรุ่นตู้ตั้ง (Package Type) 3 – 5 ตัน และรุ่น ต่อท่อลม (Duct type) 3 – 60 ตัน จากนั้นเครื่องปรับอากาศของเกาหลี เช่น Samsung และ LG ก็เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นยุคของการเริ่ม การแข่งขันทางด้านราคาเครื่องปรับอากาศที่รุนแรงมาก ต่อมาไม่นานเครื่องปรับอากาศจากประเทศจีน เช่น Midea, TCL, Gree และ Haier ก็เริ่มเข้ามาตีตลาด ทำให้การแข่งขันในด้านราคาทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้แล้ว ดังจะเห็นได้จากการได้รับ รางวัลเครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูงสุด 5 อันดับแรก ในรอบ 11 ปี จากกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 คุณเรืองพันธ์ ยังได้พัฒนารูปแบบทาง การขายอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามสร้างและปรับเปลี่ยนระบบส่งเสริมการขายให้สอดคล้องกับสภาวการณ์แข่งขันที่เพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าสำคัญซึ่งก็คือตัวแทนจำหน่าย และช่างผู้ให้บริการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการขาย และให้บริการกับผู้ใช้เครื่องปรับอากาศ โดยได้จัดอบรมสัมมนาให้ความรู้พื้นฐานทางด้านระบบปรับอากาศแก่ตัวแทนจำหน่าย และช่างผู้ให้บริการทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการให้บริการที่ดีและมีมาตรฐาน
ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ คุณเรืองพันธ์ ได้จัดกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องปรับอากาศแรกๆ ที่จัดกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย เช่น มอบทุนการศึกษาประจำปี จัดนำเที่ยวให้กับตัวแทนจำหน่าย ทั้งใน และต่างประเทศ จัดการแข่งขัน แบดมินตัน สนุกเกอร์ กีฬาสี โบว์ลิ่ง แรลลี่ และ กอล์ฟ เป็นต้น