ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. เปิดเผยว่า โครงการนักวิจัยแกนนำเป็นกลไกหนึ่งที่ สวทช. เล็งเห็นว่า สามารถสร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในประชาคมวิจัย ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จนนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน จากข้อเสนอโครงการวิจัยที่ส่งเข้ามารับการพิจารณาในปี 2561 จำนวน 13 โครงการ คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ในการคัดเลือกนักวิจัยแกนนำ ประจำปี 2561 และกลุ่มวิจัยของนักวิจัย 2 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร สังกัด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากโครงการวิจัย เรื่อง "การพัฒนานวัตกรรมใหม่ในทางการแพทย์ที่มีมูลค่าและคุณค่าสูง: ฟื้นฟูภาพดีเอ็นเอ โดยโมเลกุลที่ทำให้จีโนมเสถียร และการตรวจกรองมะเร็งจากโปรตีน หรืออาร์เอ็นเอในเม็ดเลือดขาว และศาสตราจารย์ ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ สังกัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จากโครงการวิจัย เรื่อง "การพัฒนากระบวนการถ่ายเทความร้อนสมัยใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต"
โดย ศาสตราจารย์ ดร.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร เป็นนักวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านอณูพันธุศาสตร์ และสภาวะเหนือพันธุกรรม โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ผลงานวิจัยที่ผ่านมาได้รับการยอมรับและตีพิมพ์ในวารสารที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ สำหรับโครงการวิจัยนี้มุ่งหมายจะค้นคว้า ค้นพบทฤษฎีใหม่ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม 2 เรื่อง ได้แก่ 1) การลดอายุและเพิ่มความเสถียรของดีเอ็นเอ ด้วยโมเลกุลที่ทางทีมวิจัย เรียกว่า มณีแดง ที่จะสามารถใช้แก้ไขความชราของเซลล์ได้ งานวิจัยนี้อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของโลกได้ในอนาคต และ 2) การพัฒนาการตรวจคัดกรองมะเร็งจากโปรตีนหรืออาร์เอ็นเอในเม็ดเลือดขาว ที่จะมีความไวและจำเพาะสูงกว่าวิธีในปัจจุบัน ทำให้การตรวจคัดกรองมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต
และ ศาสตราจารย์ ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ เป็นนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานวิจัยที่โดดเด่นด้านวิศวกรรมเครื่องกล งานวิจัยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพลังงาน การถ่ายเทความร้อน อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน จากกรอบความคิดการวิจัยที่ว่า หากอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนถูกออกแบบมาอย่างเหมาะสม การถ่ายเทความร้อนจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และจะช่วยเพิ่มสมรรถนะของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน งานวิจัยนี้จึงเป็นการศึกษา การเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ซึ่งจะได้หลักการทางวิชาการ สำหรับการออกแบบ และปรับปรุงกระบวนการการถ่ายเทความร้อนให้มีสมรรถนะสูงขึ้น สามารถนำไปใช้ได้จริงในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลงานวิจัยเหล่านี้ จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และยังเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของโลกในอนาคต
"ผลงานที่จะเกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานของนักวิจัยแกนนำทั้ง 2 ท่านจะนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ต้นแบบผลิตภัณฑ์ ต้นแบบเทคโนโลยี และสิทธิบัตร จำนวนหนึ่ง โดยองค์ความรู้ใหม่ที่ค้นพบ ตั้งเป้าหมายการเผยแพร่ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มี Impact Factor สูง ระดับ Nature Index Journal หรือในวารสารระดับ Top ของสาขาวิศวกรรมศาสตร์ นับเป็นการมุ่งเน้นการผลิตผลงานวิจัยเชิงคุณภาพสูงให้มากขึ้น รวมถึงมีส่วนเชื่อมโยงระหว่างภาคความรู้ ภาคการผลิตและบริการ และภาคสังคม เพื่อยกระดับการวิจัยและพัฒนาของไทยในอนาคตด้วย" ผู้อำนวยการ สวทช. ระบุ
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รักษาการรองผู้อำนวยการ สวทช. และเลขานุการโครงการนักวิจัยแกนนำ กล่าวเสริมว่า "โครงการนักวิจัยแกนนำ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อส่งเสริมให้นักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง ได้สร้างสรรค์งานอย่างมีอิสระทางวิชาการ เป็นพลังขับเคลื่อนในการนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย โดยปัจจุบันมีนักวิจัยแกนนำภายใต้การสนับสนุนของ สวทช. ทั้งสิ้น 17 ท่าน เป็นด้านการแพทย์ 11 ท่าน ด้านเกษตรและอาหาร ด้านอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ และด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ด้านละ 2 ท่าน ซึ่งนักวิจัยแกนนำและทีมวิจัยดังกล่าวได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ในหลากหลายสาขาวิชา สามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพในระดับสูง มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ สิทธิบัตร การผลิตบุคลากรในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก และนักวิจัยหลังปริญญาเอก อีกทั้งยังมีการนำผลงานวิจัยไปเผยแพร่ใช้ประโยชน์ในเชิงสาธารณะแล้ว"