เป็นแดนซ์เซอร์มาก่อน?
โอ : ใช่ครับ โอเคยเป็นมาก่อน เป็นสิ่งแรกที่รู้ มันเป็นความฝัน อยากเป็นแดนซ์เซอร์ แล้วก็พอมีโอกาสได้ทำให้ฝันเป็นจริงก็ดีใจมาก ตอนแรกๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบเต้น รู้แต่ว่าตั้งแต่เด็กๆ เวลาโรงเรียนให้เต้นอะไรเราก็เต้นโดยไม่รู้สึกเขินอาย ซึ่งเราเรียนรู้การเต้นมาจากเพื่อนที่โรงเรียนเปิดคอนเสิร์ต ไมเคิล แจ็คสัน ตอนนั้นเรารู้สึกว่าอยากเต้นได้แบบนั้น นั่นเป็นสิ่งแรกที่เราอยากเป็น ความฝันตอนนั้นคืออยากเป็นแดนซ์เซอร์ให้ทาทา ยัง แต่พอโอเข้ามาแกรมมี่ ทาทา ยัง ก็ออกจากแกรมมี่ ซึ่งเราก็เดินเล่นอยู่ในนั้นยังไม่ได้เป็นแดนซ์เซอร์ให้ใครแบบจริงๆ จังๆ จนกระทั่งผู้ใหญ่ถามว่าแกมีพาสปอร์ตมั้ย แล้วเขาก็ถามว่าเสาร์ อาทิตย์ ว่างมั้ย ไปเต้น ไชน่า ดอลส์ ที่ สิงคโปร์ นั่นคืองานแรก
หลังจากนั้นถือเป็นแดนซ์เซอร์มืออาชีพเลยมั้ย?
โอ : ก็ถือว่ามืออาชีพเลย เริ่มไม่เรียนหนังสือ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย พอเราเริ่มแฮปปี้อยู่บ้านเราเต้นทั้งวัน แต่อันนี้กลายเป็นเราเต้นและได้ตังค์ด้วยก็เลยไม่สนใจเรียน ซึ่งโอเริ่มเป็นแดนซ์เซอร์ปี 1998-2001 จากนั้นก็เริ่มเข้ามาทำงานในวงการ
หลังๆ มานี้ส่วนใหญ่โอรับเล่นหนังพวกเกย์จนคนติดภาพ ทำไมเราถึงรับเล่น?
โอ : ตอนแรกๆ เรารับ 1-2 เรื่อง คือเรื่องแรกบทมันดีมากก็เลยเล่น พอเรื่องที่สองติดต่อมาต้องยอมรับว่าพอเป็นบทแบบนี้มันเป็นบทที่ดีบทหนึ่งในโปรเจ็กต์นั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดที่จะไม่รับเล่น แต่ทีนี้พอเราเล่นอะไรแบบนี้ได้ก็มีติดต่อมาเรื่อยๆ ถ้าให้พูดกันตรงๆ ถ้าไม่เล่นบทแบบนี้ก็จะไม่มีงาน เราก็เลยพยายามทำบทเกย์แต่ละเรื่องให้แตกต่างกัน
ซึ่งในแต่ละเรื่องก็จะมีบทเลิฟซีน?
โอ : น้อยมากครับ หนักสุดก็จะมีเรื่อง มะลิลา นั่นคือเลิฟซีนมากที่สุดในชีวิต ขนาดที่หลายคนเชื่อว่าทำกันจริงๆ หรือเปล่า แต่ทีนี้พอเราได้เล่นเลิฟซีนเราเลยรู้ว่าการแสดงฉากเลิฟซีนเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในบรรดาการแสดง
มีเสียงเม้าท์ว่าคุณรับเล่นเรื่องนี้เพราะอยากเล่นเลิฟซีนกับเวียร์?
โอ : คือตอนที่มีการพูดคุยกันก็ต้องรู้ว่าเราต้องเล่นกับใคร ถามว่าเวียร์มีส่วนทำให้เรารับเล่นมั้ย ก็มีส่วนแต่ไม่มีส่วนว่าฉันอยากเล่นเลิฟซีนกับเวียร์มันไม่ใช่ คือเวียร์เป็นนักแสดงที่เก่งมาก ถามว่าอารมณ์จริงๆ มีมั้ย คือการแสดงมันต้องมีอารมณ์ที่จริง โอถึงบอกได้ว่าการเลิฟซีนมันยากมากในการที่เราต้องตัดความอายและทิ้งทุกสิ่งเพื่อจะยอมรับในโมเมนต์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่เขินอาย
เรื่องหัวใจเห็นบอกว่ามีแฟนแล้ว คบกันปีกว่า?
โอ : เราก็มีคนที่เราพูดคุยอยู่ มีแฟนมั้ยก็คงเรียกแฟนได้ เราชอบโมเมนต์ที่พูดคุยว่าเป็นแฟนกันมั้ย แล้วได้คำตอบมาว่าเป็น สำหรับเรามันเป็นโมเมนต์ที่ดี คนนี้เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน อยู่ในแวดวงใกล้ๆ ตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยู่ในวงการบันเทิง คุยกันมา 6 เดือน แล้วเราก็เริ่มคุยกันจริงจัง แต่ไม่ค่อยถ่ายรูปลงไอจี คือเรามีการพูดคุยกันว่าการเป็นแฟนมันไม่จีรังเท่าการเป็นเพื่อน
จริงๆ สวีทมั้ย?
โอ : ก็เป็นลุงแก่ๆ คนนึง ชอบสอนแล้วก็ขี้บ่น โอชอบสอน รู้สึกว่าถ้าเราสอนได้เราก็อยากสอน เขาเด็กกว่าเรา 10 ปี ซึ่งโอชอบความเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่
มีคนฝากถามมาว่าสวยหรือหล่อ?
โอ : เขามีลักษณะที่ทั้งสวยและหล่อในคนคนเดียวกัน
ผู้ชายหรือผู้หญิง?
โอ : จริงๆ ในช่วงนี้ ในต่างประเทศเขาชอบตอบคำว่า สเปกตรัม คือการลื่นไหลในสภาพเพศ วันนึงเราอาจจจะชอบผู้หญิงโดยที่เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราจะชอบผู้ชายหรือเปล่า หรือหลายๆคนที่เขาเป็นผู้ชาย วันนึงฉันแต่งงานและเป็นเกย์ตอนโต แต่ทุกวันนี้เราชื่นชอบหรือรักบุคคลนี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพศไหนก็ได้ คือไม่ว่าใครจะเชื่อว่าโอเป็นเกย์หรือผู้ชาย โอก็จะเป็นเพศนั้นที่ดีแค่นั้นเอง
ได้ข่าวว่ามีหนุ่มใหญ่เคยจะจ้างโอไปทานข้าวมื้อละแสน อันนี้จริงไหม?
โอ : ตอนที่คนๆ นี้โทรศัพท์มา จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้โอไม่ได้อยากออกมาพูด ถามว่ามีมั้ย ก็เคยมีคนอยากจะรู้จัก อยากกินข้าวด้วย ตอนนั้นเราก็ถามเขาว่ากินข้าวแค่สองคน เขาก็พูดประมาณว่าเป็นงานเลี้ยงบริษัท แต่ดูพูดแบบอ้ำๆ อึงๆ ในการตอบคำถาม เราก็เริ่มรู้สึกไม่ชัดเจน
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ โอ อนุชิต
https://youtu.be/_ohhWn7c5nA