ROG Strix XG Series ทั้ง 3 รุ่นยังได้รับการปรับปรุงอัตราความเร็วในการตอบสนองของภาพ ซึ่งแต่เดิมการหน่วงของสัญญาณระหว่างอินพุตเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับจอส่วนใหญ่ที่ต้องแสดงผลภาพในอัตราเฟรมเรทที่สูง เอซุสจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยี GameFast Input เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และทำให้หน้าจอตอบสนองได้เร็วขึ้น ทำให้เหล่าเกมเมอร์สามารถเห็นและตอบสนองได้เร็วกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ ROG Strix XG ทั้ง 3 รุ่นยังมีฟังก์ชัน HDR ซึ่งสามารถประมวลผลได้โดยตรงสู่หน้าจอ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ Mapping ที่จะทำให้การประมวลผลภาพหน่วงลง และอีกหนึ่งเทคโนโลยีพิเศษจาก Asus อย่าง GamePlus ที่ช่วยให้คุณเล่นเกมได้สนุกมากขึ้น เช่น ระบบเป้ายิง, ระบบช่วยระบุตำแหน่งของคู่แข่งด้วยเสียง, การตรวจสอบอัตราเฟรมเรต, และเครื่องมือในการช่วยตั้งค่าสำหรับการเชื่อมต่อหลายหน้าจอ
ROG ได้ออกแบบแผงพาเนล LED Backlight มาเป็นพิเศษใน 3 รุ่นนี้ เพื่อให้สามารถแสดงประสิทธิภาพของ HDR ออกมาได้ที่สุดและสามารถผ่านมาตรฐานของ VESA DisplayHDR ได้ นอกจากนี้ ROG ได้ทำการทดสอบความสว่างของจอภาพแต่ละจอที่โรงงานก่อนที่จะส่งออก โดยผลการทดสอบสามารถแสดงสีสันครอบคลุมมาตรฐาน DCI-P3 ได้มากกว่า 90% ทำให้ ROG Strix XG Seriesแสดงผลสีได้เที่ยงตรง ซึ่งจอรุ่น XG438Q ได้ผ่านมาตรฐาน VESA DisplayHDR 600 ส่วนรุ่น XG49VQ และ XG32VQR ก็ได้ผ่านมาตรฐาน VESA DisplayHDR 400 นอกจากนี้ ROG Strix XG Series ยังมีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนที่หน้าจอเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมชาติของสี และทั้ง 3 รุ่นยังมีเทคโนโลยี ASUS Eyecare ที่สามารถปรับโหมดการแสดงผล สำหรับการใช้งานเป็นเวลานาน ซึ่งได้ผ่านการรับรองการถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการปล่อยแสงสีน้ำเงินต่ำและปราศจากการสั่นไหวของภาพ
ในส่วนของการใช้งานในรุ่น Strix XG438Q มาพร้อมกับพอร์ต HDMI 2.0 จำนวน 3 ช่อง และ Display port 1 ช่อง พร้อม รองรับทั้งคอมพิวเตอร์และเครื่องเกมคอนโซล และลำโพงขนาด 10W ที่ให้เสียงที่มีคุณภาพสูง ในส่วนของรุ่น Strix XG49VQ ยังสามารถเชื่อมต่ออินพุทได้จาก 3 แหล่งพร้อมกัน และมีพื้นที่หน้าจอเท่ากับจอขนาด 27" วางติดกัน 2 เครื่อง