เทคโนโลยีใด จะครองบัลลังก์ไอทีระดับองค์กร ในปี 2562

พุธ ๐๙ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๒:๐๔
บทความโดย นายพัสน์นันท์ จมูศรี

ผู้นำธุรกิจคลาวด์แพลตฟอร์ม บริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

อาจกล่าวได้ว่าสถานการณ์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ระบบงานอัตโนมัติ การจัดการข้อมูล และบล็อกเชน ในช่วงปี 2561 เปรียบได้กับรายการทีวีเกมส์ล่าท้านินจา หรือ Ninja Warrior กล่าวคือ ผู้เข้าแข่งขันต้องฟันฝ่าอุปสรรค และความท้าทายมากมายตลอดเส้นทาง และในท้ายที่สุดแม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก และบรรลุเป้าหมายในการทำงานหลายด้าน แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้วกลับไม่มีเทคโนโลยีใดเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศได้ ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ปี 2562 คำถามที่ว่าเทคโนโลยีใดจะครองแชมป์จึงยังมีอยู่

ออราเคิลได้คาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังนี้

การใช้งาน AI จะเป็นไปอย่างเงียบๆ และด้วยความระมัดระวัง

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) จะโดดเด่นและมีประโยชน์มากหากบริษัทต่างๆได้ศึกษาเทคโนโลยีนี้ให้เขาใจอย่างถ่องแท้ก่อนนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ ผลสำรวจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ICT ระดับองค์กร (ICT Enterprise Insights Survey) ของ Ovum ชี้ว่า ในปี 2562 ราว 60 เปอร์เซนต์ขององค์กรจะมีการกำหนดกลยุทธ์ด้าน AI ที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วทั้งองค์กร ออราเคิลคาดการณ์ว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่แสวงหาวิธีการที่เหมาะสมในการใช้ AI ในเชิงธุรกิจ และแนวทางที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การนำ AI ฝังตัวไว้ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่พวกเขาใช้

ในปี 2562 เป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีการสร้างข้อมูลมากกว่าที่เคยสร้างมาตลอด 5,000 ปีก่อนหน้านี้ ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ต้องเผชิญความท้าทายว่าจะบริหารจัดการ และใช้งานข้อมูลที่มีอยู่อย่างชาญฉลาดได้อย่างไร เพื่อให้เกิดกระบวนการและการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็น ที่จะช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นมากขึ้น

การนำ AI ฝังตัวไว้ในแอปพลิเคชั่นจะช่วยให้องค์กรสามารถใช้งาน AI ได้อย่างครอบคลุมในส่วนที่พวกเขาสะดวกใจที่จะใช้ โดยไม่ต้องกลัวว่า 'หุ่นยนต์จะครองโลก' ทั้งยังช่วยให้ AI เข้าไปทำงานอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานไอที และใช้อย่างแพร่หลายในระบบงานธุรกิจทั้งหมด

ดังนั้นเราจึงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแอปพลิเคชั่นต่างๆ แบบต่อหน้าต่อตาเราทีเดียว แอปพลิเคชั่นที่ใช้กับระบบงานแบ็คออฟฟิศแบบเดิมๆ กลายเป็นสิ่งล้าสมัย และกำลังถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยนวัตกรรมที่ใช้กับระบบงานส่วนหน้าหรือฟร้อนเอ็นต์ และระบบงานอัตโนมัติที่รองรับการทำงานเชิงธุรกิจอย่างแท้จริง และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีจะมีขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นอย่างเหนือชั้น

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการใช้ AI ในธุรกิจคือ ศักยภาพมหาศาลของ AI ที่ช่วยให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผลสำรวจของออราเคิลเมื่อไม่นานมานี้พบว่าผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจตัดสินใจในองค์กรต่างๆ ทั่วโลก 42 เปอร์เซ็นต์ ล้วนพิจารณานำ AI มาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพในองค์กรของตนแล้ว การนำสมรรถนะของ AI มาใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ตัวอย่างลูกค้าของออราเคิล เช่น สโมสรฟุตบอลโลก RCD Espanyol ของสเปน ซึ่งนำ AI ไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิผลการทำงานของฝ่ายการเงินได้ราว 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการใช้ AI ช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจโดยไม่ต้องมีการป้อนข้อมูลจากบุคลากร

ออราเคิลคาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 เทคโนโลยี AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิผลทางธุรกิจ และประสบการณ์ที่ดีได้มาก อาจถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับการดำเนินงานในปัจจุบัน ซึ่งนั่นคือการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

'ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ' จะขับเคลื่อนการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล

การ์ทเนอร์ (Gartner) คาดการณ์ว่าภายในปี 2565 บริษัทราว 90 เปอร์เซ็นต์ จะมีกลยุทธ์ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าข้อมูลเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญอย่างยิ่งขององค์กร ดังนั้นระบบวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะกลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กร การที่ปริมาณของข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่มากเกินกว่าที่บุคลากรจะสามารถจัดการได้ จึงจำเป็นต้องแสวงหา และใช้แนวทางการทำงานใหม่ๆ ซึ่งองค์กรธุรกิจเริ่มที่จะตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงความสามารถด้านการจัดการข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการลงทุนด้าน AI หรือ IoT

เป็นเรื่องที่เราควรคิดว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดขึ้นบ้าง หากระบบบริหารจัดการข้อมูลซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนและแยกแยะข้อมูลที่มีอยู่มากมายให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นระบบที่สามารถทำงานได้เอง ซ่อมแซมตัวเองได้ มีความปลอดภัยในตัวเอง และมีวิธีการใช้งานได้อย่างง่ายดายเหมือนกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ออราเคิลได้ยกระดับความสามารถของระบบงานอัตโนมัติด้วย Oracle Autonomous Database และในอนาคตเราคาดว่าองค์กรธุรกิจจำนวนมาก จะให้ความสนใจนำเทคโนโลยีลักษณะนี้ไปใช้ในระบบบริหารจัดการข้อมูลในทุกแง่มุม

ออราเคิลเชื่อว่าระบบงานอัตโนมัติจะเริ่มแผ่ขยายเข้าสู่ทุกส่วนของธุรกิจ โดย 70% ของงานไอทีจะเป็นแบบอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถจัดสรรบุคลากรให้กับงานสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนาธุรกิจ แทนที่จะต้องใช้เวลาทำงานหลายพันล้านชั่วโมงในแต่ละปีไปกับงานประจำที่ซ้ำซาก และงานไอทีที่น่าเบื่อ ตัวอย่างเช่น QMP Health ซึ่งเป็นลูกค้าของออราเคิลได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้เป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถปรับแต่ง และจัดการระบบต่างๆ ได้เองโดยที่ระบบไม่หยุดทำงาน ช่วยให้องค์กรตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการด้านสุขภาพเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า จำนวนเหตุการณ์ด้านการรักษาความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น 100 เท่า ดังนั้นงานหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยก็จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบอัตโนมัติเช่นกัน ทั้งนี้รายงานความเสี่ยงและการปรับใช้ระบบคลาวด์ (Cloud Adoption and Risk Report) ประจำปี 2562 ของแมคอาฟี่ระบุว่า โดยเฉลี่ยพบว่ามีเพียง 1 เหตุการณ์ใน 100 ล้านเหตุการณ์เท่านั้น ที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากเหตุการณ์มีจำนวนมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้บุคลากรไปงมเข็มในมหาสมุทรโดยไม่ใช้ระบบอัตโนมัติ

นอกจากนั้น ประสบการณ์ของลูกค้าและระบบงานอัตโนมัติเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป โดย 70 เปอร์เซ็นต์ ของการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าจะใช้ระบบอัตโนมัติ นอกจากนี้แชทบ็อท (Chatbot) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะเปิดศักราชใหม่ของการให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งนี้ในปัจจุบัน 89% ของผู้บริโภคใช้โปรแกรมผู้ช่วยดิจิทัลที่สั่งงานด้วยเสียงเพื่อให้บริการลูกค้า และ 69% ของงานบริการลูกค้าในองค์กรใช้แชทบ็อทเพื่อเพิ่มความสะดวกและราบรื่นในการติดต่อสื่อสารทุกที่ทุกเวลา และในอนาคตเทคโนโลยีดังกล่าวจะเริ่มเปลี่ยนจากการเป็นสิ่งที่ 'มีก็ดี' ไปสู่การเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังในระดับพื้นฐานในเกือบทุกวงการ ด้วยเหตุนี้ออราเคิลจึงคาดการณ์ว่า 85% ของการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งหมดจะเป็นแบบอัตโนมัติ

เทคโนโลยีบล็อกเชนกลายเป็นฐานสำคัญของความไว้วางใจ

เทคโนโลยีหน้าใหม่ที่ลงสนามการแข่งขันอย่างบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเสียเครดิตไปบ้างจากกรณีที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ จะได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในแวดวงธุรกิจ และจะกลายเป็นรากฐานสำคัญที่รองรับความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจในช่วงปี 2562 ทั้งนี้เพราะหลายๆ องค์กรเริ่มตระหนักว่าสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ในงานด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการตรวจสอบรับรองธุรกรรมทางการเงิน

เราได้พบเห็นการใช้งานบล็อกเชนเพื่อให้การรับรองการผลิตน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ (Extra Virgin) รวมถึงใช้ในการตรวจสอบ ติดตามการใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์ และการให้การรับรองความถูกต้องของข้อมูลในกระบวนการด้านงานเอกสารของธุรกิจขนส่งทั่วโลกมาแล้ว สำหรับปี 2562 เราจะได้เห็นการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนในบริบทที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การให้การรับรองคุณภาพของอัญมณีไปจนถึงการตรวจสอบติดตามแหล่งที่มาของการปนเปื้อนในอาหาร และการให้การยืนยันว่ายาได้รับการผลิตตามกฏระเบียบที่เคร่งครัด และเช่นเดียวกับ AI เทคโนโลยีบล็อกเชนจะค่อยๆ แผ่ขยายเข้าสู่ระบบงานธุรกิจทั่วไป โดยผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจอย่างกลมกลืน

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะมีอนาคตที่สดใส ในช่วงปี 2562 เราจะได้พบเห็นการใช้งานอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมในบางอุตสาหกรรม แต่เทคโนโลยีเหล่านี้จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยขึ้นอยู่กับว่าตลาดจะให้การตอบรับที่ดีมากน้อยเพียงใด แม้ว่าในอดีต AI หรือบล็อกเชนถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานไอที แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ และอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานไอทีเพื่อให้องค์กรธุรกิจได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่แท้จริง และนำมาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สิ่งสำคัญที่องค์กรต่างๆ ต้องพิจารณาคือ การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สามารถเสริมจุดแข็งของธุรกิจ และสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว หากเปรียบเป็นผู้เข้าแข่งขันในเกมส์ล่าท้านินจา โค้ชขององค์กรธุรกิจทั้งหลายก็คือระบบคลาวด์ที่ครบวงจร ซึ่งรวมเอาความสามารถในการควบคุมการทำงาน ความปลอดภัย และสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไว้ในที่เดียวกัน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถรันระบบงานต่างๆ บนคลาวด์ได้โดยไม่ต้องพะวงว่าจะเป็นเวิร์กโหลดประเภทใด ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เปิดโอกาสให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขัน และเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ

คลาวด์ และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลจะได้รับการสาธิต และเป็นหัวข้อการบรรยายในงาน Oracle OpenWorld Asia ซึ่งเป็นการประชุมด้านธุรกิจ และเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในภาคอุตสาหกรรม โดยจะจัดขึ้นที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม 2562 ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ https://www.oracle.com/sg/openworld/

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version