รับทรัพย์ต้อนรับปีใหม่เลยทีเดียวสำหรับ "ชาคริต แย้มนาม" ที่หอบภรรยา "แอน ภัททิรา" และลูก "น้องโพธิ์" มาร่วมงาน Grand opening CHERRY BABYผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็ดสำเร็จรูปนวัตกรรมใหม่จากญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าตัวรับเป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อมทั้งครอบครัว โดยมี "ศิริศักดิ์ ศิริธัญญะรัตน์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที พลัส สกินแคร์ จำกัด กล่าวเปิดงาน ภายในงานยังจัดให้มีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจาก "เบน ชลาทิศ" รับหน้าที่พิธีกรโดย "เอกกี้" เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 ลาน Eden
โดย "ชาคริต แย้มนาม" ก็ได้เผยถึงการทำงานครั้งนี้ว่า "ค่าพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่ได้โหดร้ายทารุณครับ ก็สมเหตุสมผลเพราะทาง CHERRY BABY เขาก็ใหม่จริงๆ เหมือนกับเราที่เราทำขนมที่เป็นแบรนด์ลูก เพราะฉะนั้นเราก็เข้าใจกันและได้คุยกันหลังทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว เราค่อนข้างจะใส่ใจทุกรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นการกินข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ต้องสะอาดปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเป็นอะไรที่สำคัญมากเพราะลูกเราต้องใช้ตลอดเวลา ผมได้ทดลองใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป CHERRY BABY ก่อนจะรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะก่อนที่จะรับงานเราต้องได้ทดลองสินค้าก่อนว่าดีจริงถึงจะรับ พอใช้แล้วรู้สึกว่า ผิวน้องโพธิ์ไม่ระคายเคืองไม่มีอาการผดผื่นหรือแพ้ แถมผ้าอ้อมยังกระชับบางและนุ่มมาก ใช้แล้วถูกใจเลยครับ ที่สำคัญราคาไม่แพง เป็นราคาที่ทุกครอบครัวสัมผัสได้ ก็เลยตัดสินใจรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ ประกอบกับเราได้คุยกับเจ้าของและเห็นถึงความตั้งใจ เป็นสินค้าของไทยนวัตกรรมญี่ปุ่น เราก็เลยได้เข้ามามีส่วนร่วมรวมถึงช่วยในการออกไอเดียต่างๆ ด้วยครับ"
"ตอนนี้ก็เปิดบัญชีน้องแล้วครับ เปิดตั้งแต่ตอนเกิด เปิดวันเกิดเขาเลยครับ ก็คงเข้าบัญชีน้องเลย(หัวเราะ) ทำงานครั้งนี้น้องก็เฟรนลี่มากๆ ชอบร้องเสียงดังรับงานไม่มีปัญหาเลย ถึงเวลาหลับก็หลับ ถึงเวลาตื่นก็สะกิดเขาหน่อยเขาก็ตื่น แล้วเป็นคนชอบออกมาข้างนอก ออกมาก็จะโชว์สุดฤทธิ์"
"ชีวิตช่วงนี้อยู่กับครอบครัวช่วยกันเลี้ยงลูกมีความสุขมากครับ ก็เป็นความตั้งใจที่เราเองก็ต้องการมาตั้งแต่เราเด็กๆ เพราะว่าเราโตมาด้วยความที่มันไม่ครบมันขาด เราก็อยากทำให้มันสมบูรณ์ แล้วตอนนี้มันก็เป็นโอกาส และเป็นความลงตัวที่คุณแอนเข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิต แล้วทำให้เรารู้สึกถึงความเรียบง่ายของชีวิตที่มันสบาย มันก็เลยทำให้เรายิ่งมีความตั้งใจที่เราจะทำอะไรเพื่ออนาคตแล้ว สมัยก่อนเราคงเป็นอะไรที่อยู่ไปวันต่อวัน ตอนนี้มันไม่ได้แล้วมันต้องแพลนไปถึงลูกเรียนมหาลัยแล้ว เพราะว่าไม่ใช่อยากจะเข้าก็เข้าได้ ต้องไปสมัคร ต้องไปสัมภาษณ์ นี่ก็ 8 เดือนแล้วพอครบขวบก็ต้องเริ่มติดต่อเรื่องโรงเรียนต้องเก็บเงิน ต้องหาวิธีต่อยอดเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าการศึกษามันก็แพงมากเดี๋ยวนี้ เราก็ต้องวางแผนไว้ ไม่ชะล่าใจครับ"