1. โหมดเราเตอร์ AiMesh ทำให้การใช้งาน WiFi ภายในบ้านสามารถกระจายได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และหากคุณต้องการใช้งาน Lyra Voice ในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น คุณก็สามารถปรับโหมดเป็น AiMesh Node ได้ โดยที่ยังคงใช้งานฟังก์ชันหลักจากเราเตอร์ AiMesh ได้เหมือนเดิม
2. โหมดเราเตอร์ ซึ่ง Lyra Voice ก็ยังคงทำได้ดีและยังสามารถเป็น smart-home hub ได้อีกด้วย หรือเรียกอีกอย่างว่า Lyra Voice เป็น smart assistant ที่เป็นเราเตอร์ในตัว
3. โหมด WiFi repeater ทำให้คุณสามารถขยายสัญญาณ WiFi ไปในจุดที่อับสัญญาณได้ สำหรับใครที่มีเราเตอร์เดิมอยู่แล้วแต่อยากใช้ Lyra Voice ขยายสัญญาณ WiFi ก็ทำได้เช่นกัน
ในส่วนของคุณภาพเสียง Lyra Voice ยังมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอแยกซ้าย-ขวาพร้อม bass reflex ที่ช่วยขับเสียงเบสได้ดีขึ้น และยังได้รับการปรับแต่งลำโพงจากทีม ASUS Golden Ear และรองรับเทคโนโลยีเสียงในระบบ DTS surround sound ทำให้ Lyra Voice สามารถส่งมอบเสียงที่เป็นธรรมชาติและมีมิติเสียงที่กว้าง และยังสามารถฟังเพลงผ่าน Spotify หรือเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้อีกด้วย
นอกจาก Lyra Voice จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เสถียรและมีคุณสมบัติจาก Amazon Alexa แล้ว Lyra Voice ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ Asus ยังคงจัดมาให้นั่นคือ AiProtection Pro ที่จะอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสและสปายแวร์จาก Trend Micro(TM) ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดในเครือข่ายของคุณจากการโจมตีต่างๆที่มาจากโลกออนไลน์