บลจ.กสิกรไทย เผยหุ้นไทยระยะสั้นผันผวน มั่นใจระยะยาวยังโตได้ต่อเนื่อง

จันทร์ ๑๔ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๓:๔๔
บลจ. กสิกรไทย เผยทิศทางตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดว่าปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีการปรับลดลงค่อนข้างมากในปีก่อนหน้าโดยมีแรงหนุนจากการลงทุนโครงการภาครัฐหากการเลือกตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น มองเป้า SET Index ปลายปีที่ 1,750 จุด ย้ำธีมลงทุนในหุ้นใหญ่ ผันผวนต่ำ ยังเหมาะสมกับภาวะตลาดในปีนี้

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในปี 2562 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยปัจจัยบวกภายในประเทศอย่างโครงการลงทุนภาครัฐ นำโดยโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในขณะที่ปัจจัยภายนอกยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ทั้งประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน เรื่อง Brexit และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามยังต้องจับตามองการเลือกตั้งของประเทศไทยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งถ้าหากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นจะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ เนื่องจากความมีเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญในมุมมองของนักลงทุน อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเป็นบวกสำหรับภาพการลงทุนระยะกลางถึงยาว จากแรงหนุนที่มาจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังคงเติบโตดี โดยคาดว่าในปี 2562 GDP จะมีอัตราการเติบโตในระดับ 4% ลดลงจากปีก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ 4.2% เนื่องจากภาคส่งออกที่เคยเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการแข็งค่าของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง นอกจากนี้รายได้ภาคเกษตรกรรมยังคงไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยราคาปาล์มและยางพาราเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำในรอบหลายปี อย่างไรก็ตามยังหวังว่าโครงการการลงทุนและมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนจะมาเป็นช่วยสนับสนุนได้ ทั้งนี้มองเป้าหมาย SET Index ปลายปี 2562 ที่ 1,750 จุด บนสมมติฐานการคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ปี 2562 ที่ 6% โดยปรับลงจากก่อนหน้านี้ที่คาดไว้ 8% เนื่องจากการปรับลดระดับราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีลงมาที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล จากที่เคยคาดไว้ที่ 70 เหรียญต่อบาร์เรล มองว่าระดับดัชนีในระดับต่ำกว่า 1,600 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจเข้าลงทุนสำหรับระยะกลางถึงยาว เนื่องจากสะท้อน Valuation ที่ P/E ปี 2562 ที่ 13.8 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง รวมถึง ระดับ Dividend Yield ที่ ประมาณ 3.5% น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดได้

"จากมุมมองที่ยังคงเป็นบวกในตลาดหุ้นไทยดังกล่าว บลจ. กสิกรไทยมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่มีการลงทุนในกองทุน LTF ซึ่งครบกำหนดอายุในปีนี้ และยังไม่มีแผนการใช้เงิน ประกอบกับมีเป้าหมายเพื่อการลงทุนระยะยาว ยังสามารถถือกองทุน LTF ต่อไปได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการลงทุนใน LTF นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี คือการสร้างโอกาสทำกำไรจากการลงทุน และต่อยอดเงินลงทุนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหุ้น (SET Index) ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หากท่านลงทุนระยะยาวมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ท่านจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 9 – 10% ต่อปี ส่วนผู้ที่ต้องการขายคืนหน่วยลงทุน LTF เพื่อนำเงินกลับมาลงทุนต่อ อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนมีความเหมาะสมตามเป้าหมายการลงทุนแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ในปี 2562 นี้ จะเป็นปีสุดท้ายสำหรับการลงทุนในกองทุน LTF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี บลจ.กสิกรไทยจึงแนะนำให้วางแผนการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะช่วงต้นปีที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หรือสามารถทยอยสะสมการลงทุนในระหว่างปีในจังหวะที่หุ้นปรับตัวย่อลงได้" นางสาวธิดาศิริกล่าว

นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่มีความจำเป็นต้องขายคืนหน่วยลงทุนแต่อยู่ในระหว่างการพิจารณารอใช้จ่ายหรือรอจังหวะลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้ หากรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำถึงปานกลาง แนะนำให้มาพักเงินกับกองทุนประเภทตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก ซึ่งกองทุนที่ทางบลจ.กสิกรไทย แนะนำ ได้แก่ กองทุน K-SFPLUS และกองทุน K-PLAN1 ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง อาจเลือกกระจายลงทุนในกองทุนผสม ได้แก่ กองทุน K-PLAN2 และ K-PLAN3 สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุน LTF บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำธีมการลงทุนในหุ้นใหญ่ ผันผวนต่ำ ซึ่งเหมาะกับสภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้ โดยแนะนำกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่อง 11 ปี มากถึง 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 8.22 บาทต่อหน่วย ถือเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงสุด เมื่อเทียบกับ LTF อื่นๆ ของบลจ.กสิกรไทย และมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อสอดรับการเปลี่ยนแปลงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะตลาด โดยมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการลงทุนมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด

ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุนรวมกสิกรไทย สามารถลงทุนได้ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท และต้องลงทุนตามเงื่อนไขภาษี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO