นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปี 2561 ผันผวนตลอดทั้งปี นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขาย DW ทั้งอุตสาหกรรมสูงถึง 996,751 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ 7.2% ซึ่งสูงสุดในประวัติการณ์ โดยมีการซื้อขาย Put DW เป็นสัดส่วนสูงขึ้น สอดคล้องทิศทาง SET Index ในปี 2561 ปรับตัวลดลง 189.83 จุดหรือคิดเป็น 10.82%
"ปี 2561 เป็นปีที่ลงทุนค่อนข้างยากปีหนึ่ง ดัชนีปรับตัวลดลงแล้วยังผันผวนสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ นักลงทุนหาโอกาสลงทุน DW จึงได้รับความนิยมมากขึ้น ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรม DW เติบโตมากทั้งในแง่มูลค่าการซื้อขาย DW และสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW เมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ รวมทั้งสัดส่วนการซื้อขาย Call DW ลดลงเหลือ 60.4% จากปี 2560 อยู่ที่ 72.7% สวนทาง Put DW สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 39.6% จาก 27.3% ในปี 2560 สอดคล้องทิศทางดัชนี ถือเป็นสัญญาณที่ดี นักลงทุนโดยภาพรวมรู้จักเลือกเทรด DW และเก็งกำไรไปในทิศทางเดียวกับหลักทรัพย์อ้างอิง สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มเข้าใจในการลงทุนดีขึ้นและใช้ DW เป็นเครื่องมือลงทุนได้ทั้งตลาดหุ้นขาขึ้นและปรับตัวลง"นายบรรณรงค์ กล่าว
สำหรับหุ้นอ้างอิงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก อยู่ในกลุ่มดัชนีหลักทรัพย์สัดส่วน 52.2% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคสัดส่วน 14.3% และกลุ่มพาณิชย์ 5.4% โดย DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ยังได้รับความนิยมสูงสุด มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 52.1% โดยมีการลงทุน Put DW จำนวนมากสอดคล้องทิศทางดัชนี SET50 ที่ปรับตัวลดลงพร้อมความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ PTT, KTC, PTTEP, BEAUTY
อย่างไรก็ตามในส่วนของ DW อ้างอิงหุ้น PTT ซึ่งมีการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาด ถือเป็น DW ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องทุกปี มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 3.3% โดยมีการลงทุนใน DW ประเภท Call จำนวนมาก แม้ในปี 2561 ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลงกว่า 4% ส่วนอันดับ 3 DW อ้างอิงหุ้น KTC มีสัดส่วนการซื้อขาย 2.6% โดยลงทุนใน DW ประเภท Call จำนวนมาก แม้จะมีช่วงที่ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลงมาแรงระหว่างปีก็ตาม
อันดับ 4 DW อ้างอิงหุ้น PTTEP มีสัดส่วนการซื้อขาย 2.4% โดยลงทุนใน DW ประเภท Call เป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับราคาหุ้น PTTEP ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.50% ในปี 2561 และอันดับ 5 เป็น DW ที่อ้างอิงกับหุ้น BEAUTY ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขาย 2.2% โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ราคาหุ้น BEAUTY ปรับตัวลดลงแรงทำให้มีนักลงทุนเข้าเก็งกำไรใน Put DW อ้างอิงหุ้น BEAUTY จำนวนมาก
นอกจากนี้โบรกเกอร์ยังมีการออก DW หลายรุ่นในสินค้าอ้างอิงเดียวกัน รองรับตลาด DW ที่เติบโตขึ้น ทำให้ปี 2561 มี DW ที่เสนอขายในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 2,784 รุ่น เพิ่มขึ้นจากปี 2560 มีเพียง 2,133 รุ่น โดย ณ สิ้นปี 2561 มี DW ที่มีการซื้อขายในตลาด 1,478 รุ่น เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 มีจำนวน 1,284 รุ่น ในขณะที่จำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงทั้งหมดมีจำนวน 110 ตัว เท่ากับปี 2560
สำหรับหลักทรัพย์บัวหลวงยังเป็นผู้ออกที่มีจำนวน DW ให้เลือกลงทุนสูงสุดในระบบทั้ง Call DW และ Put DW โดยคิดเป็น 19.42% ของจำนวน DW ที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกคิดเป็น 70% ของจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้ง DW01 ยังครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมสูงสุดในอุตสาหกรรม DW ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 8
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาหลักทรัพย์บัวหลวงยังได้จัดทัพนวัตกรรม DW บริการนักลงทุนต่อเนื่อง โดยเป็นผู้ออกรายแรกและรายเดียวที่สร้าง "น้องบัว" DW แชทบอทในโปรแกรม Facebook Messenger ตัวแรกและตัวเดียวในเมืองไทยและพัฒนา LINE: @DW01 ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเข้าถึง DW01 ทุกรุ่น และ Indicators ต่างๆ ของ DW ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วตลอด 24 ชม. รวมถึงร่วมพัฒนาฟีเจอร์สสำหรับนักเทรด DW โดยเฉพาะในแอพพลิเคชั่น ASPEN BUALUANG TRADE ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงตารางราคาและการแสดงผลในหน้าจอเทรด DW ที่ดูง่ายและใช้ได้จริง
นอกจากนี้มีการออก DW01 อ้างอิงหุ้นรายตัวเป็นแพ็คคู่ ซีรีส์ A และ ซีรีส์ B ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีระดับอัตราทดและค่าเสื่อมเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มีสไตล์และระดับความเสี่ยงที่รับได้แตกต่างกัน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม รวมทั้งเปิดตัวรายการ "DW01 LIVE" ให้กับแฟนเพจเฟซบุ๊ก DW01 พูดคุย DW สบายๆ สไตล์บัวหลวง ยิงสดทุกวันอังคารเวลา 17:30 น. รวมถึงจัด DW Workshop อย่างต่อเนื่อง รู้จริง ทำจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการลงทุนจริงได้ ซึ่งเป็นการพัฒนาบริการเพื่อไปอีกระดับและรองรับอุตสาหกรรม DW ในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงบริการได้ในทุกแพลตฟอร์มอย่างครบวงจร
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า อุตสาหกรรม DW ไม่เพียงแต่สร้างสถิติซื้อขายพุ่งจนทำนิวไฮใหม่ แต่ยังเติบโตขึ้นพร้อมกับความเข้าใจที่ดีขึ้นของนักลงทุน เห็นได้จากปีที่ผ่านมานักลงทุนเลือก DW มากขึ้น โดยดูทั้งอัตราทด ค่า Sensitivity และค่าเสื่อมเวลาประกอบเพื่อหา DW รุ่นที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวัง รวมถึงสไตล์การเทรดของตัวเอง ในขณะที่ผู้ออก DW ต่างพัฒนาเครื่องมือและช่องทางการเข้าถึงข้อมูล DW
"สำหรับนักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจ เนื่องจากการลงทุนใน DW มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญโดยตรง ดังนั้นหัวใจหลักในการลงทุน DW คือ นักลงทุนต้องมีวินัยในการลงทุน เข้าใจกลไกการทำงานของ DW และบริหารเม็ดเงินในการลงทุน DW อย่างมีประสิทธิภาพ"นายบรรณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย