เกาหลีใต้ เมืองแห่งอนาคต นับเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคล รวมถึงการเตรียมคนให้พร้อมรับกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ครั้งนี้ คณะผู้บริหาร ครู และผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (ICT Talent) จากโรงเรียนบ้านไร่อ้อย จ.พะเยา โรงเรียนบ้านภูมินิยมพัฒนา จ.สุรินทร์ โรงเรียนบ้านหนองเงือก จ.ลำพูน โรงเรียนเจียรวนนท์อุทิศ 4 (บ้านหนองหญ้าปล้อง) จ.เลย โรงเรียนวัดปะโอ จ.สงขลา โรงเรียนบ้านซับผักกาด จ.นครสวรรค์ และโรงเรียนอนุบาลสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้เดินทางสู่ซิลิคอน วัลเล่ย์แห่งเอเชีย หรือเมืองแทจ็อน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองแห่งอนาคตของวิทยาศาสตร์ โดยได้ไปเยี่ยมชม "Korea Science Academy of KAIST (KSA)" สถาบันแห่งแรกของเกาหลีใต้ที่เปิดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีศักยภาพสูงทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นสถาบันภายใต้ความดูแลของสถาบัน Korea Advanced Institute for Science and Technology (KAIST) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้คิดค้น ทดลอง และสร้างสรรค์นวัตกรรมผ่านกระบวนการทำงานวิจัยด้วยตนเอง โดยสถาบันฯ สนับสนุนห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือครบครันและทันสมัย เช่น ห้องเคมี ฟิสิกส์ ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถสร้างผลงานได้ตามความสนใจของตนเอง ภายใต้พื้นที่ "Dream Project" และที่ยิ่งใหญ่ตระการตาและสร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนมากที่สุด คือ ห้องปฏิบัติการหอดูดาวที่เสมือนจริง ซึ่งมีครูเป็นผู้ชี้แนะและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ไม่เพียงเท่านี้ คณะยังได้เยี่ยมชมโรงเรียนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนด้วยระบบไอซีทีแบบครบวงจร นั่นก็คือ "Pung Saeng Middle & High School" โรงเรียนมัธยมชายที่ตั้งอยู่ในเมืองซองนัม จังหวัดคยองกี ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ จัดกระบวนการเรียนการสอนที่เชื่อมโยงทั้ง "ครูผู้สอน" และ "ผู้เรียน" ให้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้แบบครบวงจร มุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ผ่านการใช้ไอซีที เสริมสร้างวินัยการเรียนรู้ด้วยตนเอง และเลือกใช้ฟรีแอปพลิเคชันง่ายๆ ในการออกแบบห้องเรียนให้สนุก เช่น แอปพลิเคชัน Socrative Student และที่สำคัญ ครูจะทบทวนแผนการสอนแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์เพื่อประเมินแผนการสอนต่อผู้เรียนเชิงลึก และพร้อมที่จะปรับแผนให้ตอบโจทย์การพัฒนาทักษะของผู้เรียนเป็นหลักอีกด้วย
นอกจากนี้ คณะยังเดินทางสู่กรุงโซล ผู้นำแห่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้านสื่อดิจิทัล เพื่อเยี่ยมชม "Samsung d'light" ศูนย์แสดงนิทรรศการแบบ Digital Playground ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ที่พาท่องโลกอนาคตแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมผสมผสานกับไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว และยังได้มีโอกาสเยี่ยมชม "หอสมุดแห่งชาติเกาหลี" ที่รวบรวมหนังสือไว้มากกว่า 4.3 ล้านเล่ม มีห้องสตูดิโอบันทึกเสียง บริการอีบุ๊ก อีกทั้ง ยังนำเทคโนโลยีมาสร้างความสะดวกสบายในการสืบค้น รวมถึงการสร้างระบบจัดเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนด้านลิขสิทธิ์และงบประมาณ
การเดินทางของกิจกรรม "เปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้สู่การบริหารจัดการสถานศึกษายุคดิจิทัล" โดยทรูปลูกปัญญา มุ่งจุดประกายผู้ร่วมคณะเพื่อนำประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาต่อยอดและบูรณาการเทคโนโลยีตามบริบทของสถานศึกษา อันนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาไทยที่ยั่งยืน
นายยุทธนา สัมฤทธิ์ผ่อง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านภูมินิยมพัฒนา จ.สุรินทร์ กล่าวว่า "การใช้เทคโนโลยีของโรงเรียนในประเทศเกาหลีใต้น่าสนใจมาก สามารถใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานมาบูรณาการใช้กับนักเรียนได้เป็นอย่างดี เช่น เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้อยู่แล้ว หรือแม้แต่แอปพลิเคชันสำหรับการตอบคำถามซึ่งประเทศไทยมีอยู่แล้ว ก็สามารถนำมาใช้จัดกระบวนการเรียนการสอน นักเรียนรู้สึกสนุกและได้รับความรู้ ถือเป็นเรื่องดีและเป็นประโยชน์มาก ซึ่งผมจะนำประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาประยุกต์ใช้กับครูและโรงเรียน"
ขณะที่ นางสาวดวงกมล ดำเพชร คุณครูโรงเรียนวัดปะโอ จ.สงขลา หนึ่งในผู้ร่วมโครงการฯ กล่าวว่า "ทุกอย่างแปลกใหม่สำหรับเรา อยากนำห้องเรียนเหล่านี้ไปพัฒนาโรงเรียนของเรา ให้เด็กนักเรียนร้อง 'ว้าว! นี่ห้องเรียนของฉันเป็นแบบนี้' โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เราได้เห็นจากการศึกษาดูงานครั้งนี้ นำทุกสิ่งมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียน ซึ่งคิดว่าจะสามารถดึงดูดให้เด็กสนใจและตั้งใจเรียนมากขึ้น และเน้นการลงมือทำ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการเรียนรู้จริง รวมถึงต่อยอดความรู้ความสามารถของนักเรียนให้ดียิ่งขึ้นและพัฒนาแบบก้าวกระโดดด้วย"
ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการทรปลูกปัญญา ได้ที่เว็บไซต์ www.trueplookpanya.com หรือ เฟซบุ๊ก www.facebook.com/TruePlookpanya และ www.facebook.com/TruePlookpanyaProject