วี.คาร์โก สั่งซื้อ ยูดี โครเนอร์ หนุนธุรกิจขนส่ง อีคอมเมิร์ซโต

พฤหัส ๑๗ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๒:๐๘
- เตรียมทุ่ม 240 ล้านบาท สร้างศูนย์กระจายสินค้ารองรับธุรกิจออนไลน์บูม

- คาดยอดรายได้ปีนี้พุ่ง 25%

กลุ่มบริษัท วี. คาร์โก ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร สั่งซื้อรถบรรทุกยูดี โครเนอร์ จำนวน 16 คันเพื่อรองรับแผนขยายงาน พร้อมเตรียมสั่งเพิ่มอีก 16 คันเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย 25% ในปีนี้

นายอุดม ศรีสงคราม กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท วี.คาร์โก เปิดเผยว่าจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจการค้าออนไลน์และสินค้าในตลาดโมเดิร์นเทรดในระยะหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัทวี.คาร์โก มีอัตราการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่แล้วมียอดรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตจะยังคงต่อเนื่องต่อในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 25%

กลุ่มบริษัท วี.คาร์โก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2531 จนถึงขณะนี้ มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 4 บริษัท ได้แก่บริษัท วี.คาร์โก จำกัด บริษัท วี.คาร์โก้แอนด์ซัพพลาย จำกัด บริษัท ยูพีเอสอาร์ โลจิสติกส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท ไทยรุ่งพัฒนาขนส่ง จำกัด โดยให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ได้แก่ การขนส่งสินค้า ชิปปิ้ง การดำเนินการด้านศุลกากร การขนส่งสินค้าผ่านแดน โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ธุรกิจขนส่งโมเดิร์นเทรด การขนส่งทั่วไป และธุรกิจ E-commerce โดย 85% ของรายได้มาจากธุรกิจการขนส่ง 10% จากการให้บริการชิปปิ้ง และ 5% มาจากการให้บริการคลังสินค้า

นายอุดมกล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับมอบรถบรรทุกยูดี โครเนอร์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกขนาดกลางจำนวน 16 คันและอาจจะมีแผนเพิ่มเติม เพื่อรองรับแผนขยายงานของกลุ่ม วี.คาร์โก

"สาเหตุที่เราตัดสินใจเลือกยูดี โครเนอร์ เพราะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเรา ธุรกิจหลักของเราคือการขนส่งที่มีคุณภาพสูง เราจึงต้องการรถบรรทุกที่ทนทาน และมีความไฮเทคในตัวรถด้วย ซึ่งมันมีอยู่ในรถโครเนอร์" นายอุดม กล่าว

นายอุดม กล่าวถึงช่วงแห่งการก่อตั้งบริษัทฯ เป็นช่วงที่ธุรกิจขนส่งซึ่งปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ และกำลังเติบโตอย่างมาก ดังนั้นกลุ่ม วี.คาร์โก จึงได้ปรับแนวธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะเริ่มต้น การให้บริการชิปปิ้ง เป็นธุรกิจหลัก แต่ต่อมาธุรกิจโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้แนวธุรกิจของกลุ่มฯ จำเป็นต้องปรับตามสภาพความเป็นจริง ประกอบกับผู้ให้บริการด้านการขนส่งเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น

"เรากลับมองว่าการแข่งขันนี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนธุรกิจของกลุ่มเพราะหากเราสามารถปรับตัวได้ และรักษาคุณภาพการให้บริการที่ดีให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เราน่าจะเติบโตได้มากกว่าตลาด นี่คือที่มาของการปรับตัวของเราเพื่อให้เราเติบโตได้ และวันนี้เราน่าจะเรียกว่าประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่งที่สามารถยืนอยู่บนธุรกิจนี้ได้ด้วยยอดรายได้เมื่อปีที่แล้วที่แตะระดับหนึ่งพันล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจมาก" นายอุดม กล่าว

นายอุดม กล่าวว่าการปรับแนวการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม วี.คาร์โก ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กลุ่ม วี.คาร์โก ได้เตรียมความพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า E-commerce ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มเติบโตสูง จึงทำให้กลุ่ม วี.คาร์โก เตรียมขยายจุดให้บริการคลังสินค้าเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 10 จุดมาเป็น 12 จุด ด้วยงบประมาณการลงทุน 240 ล้านบาท

ปัจจุบันศูนย์บริการคลังสินค้า ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 3 แห่งที่อุบลราชธานี อุดรธานีและนครราชสีมา ภาคเหนือ 3 จุด ที่จังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์และเชียงใหม่ และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่และภูเก็ต ส่วนภาคกลางตั้งอยู่ย่านถนนบางนา-ตราด ส่วนที่จะขยายเพิ่มเติมจะเป็นพื้นที่ขนาด 5,000 ตารางเมตรต่อแห่งที่วังน้อย จังหวัดอยุธยา และจังหวัดขอนแก่น ด้วยงบประมาณการลงทุนแห่งละ 120 ล้านบาท

"การที่เราขยายแวร์เฮ้าส์ออกไปก็เพื่อรองรับธุรกิจดาวรุ่งคือ E-commerce ซึ่งขณะนี้เราเองได้ติดต่อผู้ให้บริการ E-commerce ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศหลายราย แต่ละรายอยู่ระหว่างการเจรจาและมีแนวโน้มที่ดีเพราะเราเองมีเครือข่ายและประสบการณ์การทำงานให้กลุ่มร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรดมาเป็นเวลายาวนาน จนได้รับการยอมรับในด้านบริการและคุณภาพ" นายอุดม กล่าว

นายอุดม กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้การบริหารภายในองค์กรกำลังพัฒนาองค์กรเพื่อส่งมอบธุรกิจให้แก่ทายาทรุ่นที่ 2 ที่มีนายชัยยศ ศรีสงคราม เป็นผู้นำองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางด้านการขนส่งให้แก่กลุ่มธุรกิจที่จะมีบทบาทสูงต่อสังคมไทย โดยเฉพาะธุรกิจภาค E-commerce รวมไปถึงการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างกลุ่มประเทศ CLMV

"ผมพยายามผลักดันคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อให้คู่ค้าธุรกิจของเรามั่นใจว่าเขากำลังคุยกับคนรุ่นใหม่ที่จะมาพัฒนาองค์กรของเราให้เติบโตต่อไปในอนาคตควบคู่ไปกับธุรกิจคู่ค้าของเรา โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดนที่เราเองก็มีพันธมิตรรองรับอยู่แล้ว ดังนั้น ทันทีที่เราได้รับใบอนุญาตประกอบการ เราก็พร้อมทันทีที่จะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าของเราทั้งในประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม CLMV" นายอุดม กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ