นายสันติกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯ ได้ก้าวสู่วาระ 78 ปี ของการดำเนินธุรกิจ และมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัยและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งกรรมการที่เข้าร่วมใหม่เป็นผู้เชี่ยวชาญในหลายธุรกิจ ทั้งด้านการเงินการลงทุน ด้านธุรกิจท่องเที่ยว ยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำด้านระบบการจ่ายเงินดิจิทัล (e-payment) จากประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งนางนงลักษณ์ วิสุทธิผล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมยังคงร่วมเป็นกรรมการเพื่อให้คำปรึกษาด้านธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งจะเอื้อให้ TSI เติบโตและสามารถเดินหน้าธุรกิจประกันภัยได้อย่างมั่นคงต่อไป
ทั้งนี้ การบริหารงานภายในองค์กรยังคงเดินหน้าแผนการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี AI จากประเทศสิงคโปร์เข้ามาใช้พัฒนาด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้มีความแตกต่าง การบริหารความเสี่ยง การปรับระบบบัญชีการเงินให้มีความล้ำสมัย อีกทั้งมีการพัฒนาศักยภาพพนักงานด้วยการแลกเปลี่ยน Know How และยังให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อให้การบริหารทรัพย์สินเกิดประโยชน์สูงสุด
ในปีที่ผ่านมาการดำเนินงานของ TSI มีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดีและเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนCAR ปรับตัวดีขึ้นเหนือเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดที่ร้อยละ 147.19 และยังสามารถรักษาระดับ CAR ที่สูงกว่าเกณฑ์จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการปรับปรุงระบบงานภายใน และพร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้นจากเดิม
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ วางแผนนโยบายการดำเนินธุรกิจแบบ DD ซึ่งมาจาก Diversify และ Differentiate เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยวางเป้าหมายลดสัดส่วนงานกลุ่ม Motor จากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 60 และ เพิ่มสัดส่วนงานกลุ่ม Non Motor จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบครบวงจรครอบคลุมประกันภัยทุกประเภท ทั้งประกันภัยรถยนต์ประเภท1 ประเภท2 และประเภท3 ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยธุรกิจ SME ประกันการเดินทางในประเทศ ประกันภัยบ้าน ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันภัยวิศวกรรม ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง และประกันภัยเบ็ดเตล็ด
นอกจากนี้ยังเพิ่มสัดส่วนช่องทางการขายผ่านตัวแทนและนายหน้าเพิ่มขึ้นควบคู่กับการขยายงานในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต หาดใหญ่ ขอนแก่น โคราช อุบลราชธานี อุดรธานี ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ นครปฐม อยุธยา จากเดิมที่มุ่งเน้นทำตลาดเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยในปี 2562 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 800 ล้านบาท
"ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมในการเพิ่มศักยภาพองค์กรทั้งด้านการตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกรูปแบบบริการ เพื่อเป้าหมายในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ และตอกย้ำการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ TSI Insurance ให้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้ประกันภัยเลือกใช้ ที่สำคัญบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาบุคคลากรให้สามารถก้าวไปพร้อมกับการยกระดับองค์กรในครั้งนี้" นายสันติกล่าว