นายผยง ศรีวณิช เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกรุงไทย ได้ให้บริการตรวจข้อมูลเครดิตบูโรผ่านแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT โดยลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิตบูโรด้วยตนเอง ได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกรุงไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิตบูโรผ่านทาง Mobile Application และรับรายงานข้อมูลเครดิตรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit Report) ผ่านทางอีเมลภายใน 3 วันทำการ โดยให้บริการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากเดิมที่ใช้เวลา 7 วันทำการหากขอข้อมูลผ่านสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม และนับว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่ลูกค้าสามารถตรวจข้อมูลเครดิตบูโรได้ครบทุกช่องทางอีกด้วย ขณะนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมให้บริการสินเชื่อแบบDigital Lending หรือสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเป็น NEXT to Invisible Banking ที่ติดตัวและเคลื่อนที่ไปกับลูกค้าในการทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา โดยขณะนี้อยู่ในช่วงนำร่องทดสอบ และคาดว่าจะสามารถให้บริการกับลูกค้าทั่วประเทศได้ในปลายเดือนมีนาคมนี้
"ธนาคารกรุงไทย จะเป็นธนาคารแห่งแรกที่สามารถให้บริการสินเชื่อออนไลน์แบบครบวงจรที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกขั้นตอนในการขอสินเชื่อจะเป็น Paperless และทำผ่าน Mobile Application ตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การสมัครสินเชื่อ (e-Application) การส่งเอกสารประกอบสินเชื่อ (e-Document) การให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเครดิต (e NCB Consent) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำสัญญาสินเชื่อแบบ e-Contract โดยไม่ต้องเตรียมสำเนาเอกสาร นับเป็นมิติใหม่ในการให้บริการของวงการธนาคารไทย ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุค Thailand 4.0 อย่างไรก็ตาม สำหรับความยินยอมในการเปิดเผยหรือให้ข้อมูลโดยวิธีการผ่านระบบอินเทอร์เน็ตจากเจ้าของข้อมูลนั้น บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลซึ่งคือลูกค้าที่มาขอสินเชื่อกับธนาคาร เพื่อการเปิดเผยข้อมูล"
ด้านนายสุรพล โอภาสเสถียร กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ทั้งสองหน่วยงานจับมือกันพัฒนาและส่งเสริมธุรกรรมการขอสินเชื่อออนไลน์ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ รวมทั้งการเพิ่มบริการตรวจข้อมูลเครดิตออนไลน์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit report) เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในสังคมยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมา เครดิตบูโรดำเนินการพัฒนาและให้ความสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง โดยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของข้อมูลในการตรวจสอบรายงานข้อมูลเครดิต อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อต่างๆ และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเองอีกด้วย
ความร่วมมือของ 2 สถาบันในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของวงการธุรกิจธนาคารไทย ที่ลูกค้าจะสามารถใช้บริการสินเชื่อออนไลน์ที่ครบวงจรอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังมีความปลอดภัยเช่นเดียวกับการขอสินเชื่อที่สาขาด้วยตนเอง อันเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวสู่สังคม Digital Economy