สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอชี้แจงว่า การดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) ได้ผ่านการวิเคราะห์จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้วว่า จะเกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการดำเนินโครงการ รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในด้านลดต้นทุนค่าขนส่งสนับสนุนกระจายความเจริญและรายได้ไปสู่ภูมิภาค ตลอดจนเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง (Logistics Hub) ของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
อย่างไรก็ดี สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและขีดความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของประเทศไทย ขอเรียนชี้แจงว่า โครงการฯ มีแหล่งเงินทุนจากหลายแหล่ง โดยจะใช้แหล่งเงินทุนในประเทศเป็นหลัก ประมาณร้อยละ 80 ของวงเงินรวมโครงการ และจะใช้เงินกู้ต่างประเทศสำหรับรายการที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศและใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 20 ของวงเงินโครงการ ในการนี้ กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมที่มีเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแหล่งเงินกู้ ในประเทศ เช่น มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และอายุเงินกู้ยาว รวมทั้งไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเปรียบ ทั้งนี้ ในการกู้เงินสำหรับลงทุนในโครงการพัฒนา กระทรวงการคลังได้คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศ และกรอบการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น นอกจากนี้ หากพิจารณาประเด็นทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่า ปัจจุบันยังมีระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 มีจำนวน 203,153.03 ล้านเหรียญสหรัฐ
คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02 265 8050 ต่อ 5500, 5503