ทั้ง Zenith Extreme Alpha และ Rampage VI Extreme Omega จะรองรับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ในตระกูล Threadripper และ Core X-series ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้ว่าตระกูลนี้เป็นหน่วยประมวลผลระดับ High-end desktop ซึ่งจำเป็นต้องใช้พลังงานมากกว่าหน่วยประมวลผลทั่วไปเพื่อรองรับการทำงานของแกนประมวลผล รวมถึงหน่วยความจำและ PCI Express lanes ด้วย จึงจำเป็นต้องใช้การออกแบบ VRM อย่างพิถีพิถันรวมถึงชิ้นส่วนคุณภาพสูง เพื่อรองรับการโอเวอร์คล๊อกขั้นสูง นอกจากนี้ยังมีหน้าจอ LiveDash OLED ขนาด 1.3" บนตัวเมนบอร์ด ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลการทำงานต่างๆ ของระบบ เช่น อุณหภูมิ, ความเร็ว CPU และแรงดันไฟฟ้า หรือจะตั้งค่าให้แสดงข้อความหรือรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหว(GIF) ที่คุณกำหนดเองได้ด้วย โดยตัวเมนบอร์ดยังคงรองรับระบบแสงสีแบบ Aura Sync ด้วยเช่นกัน
เมนบอร์ดทั้งสองรุ่นนนี้มีภาคจ่ายไฟที่มากถึง 16 เฟส ให้กระแสที่สูงถึง 60 แอมป์ ซึ่งแต่ละเฟสจะทำงานเหมือนดับเบิ้ลเฟสทำให้ได้กระแสมากขึ้น 2 เท่า ส่วน VRM ก็ยังคงใช้ชิ้นส่วนเกรดพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น โช้ค ตัวเก็บประจุ และไอซี IR3555 PowIRstage เพื่อการส่งพลังงานที่เสถียร มีจุดต่อไฟเลี้ยง CPU แบบ 8pin 2 ช่อง และยังมีสวิตช์ LN2 และสวิตช์สำหรับโหมด slow ที่ใช้สำหรับการทำงานที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0°C เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอเวอร์คล๊อก ในเรื่องของการระบายความร้อนเมนบอร์ดทั้ง 2 รุ่นนี้ มีการปรับเพิ่มประสิทธิภาพโดยได้ติดตั้งพัดลม 2 ตัวบนฮีทซิงค์ของ VRM เพื่อให้เพียงพอกับการระบายความร้อนที่เกิดจากการโอเวอร์คล็อก โดยจะเพิ่มการไหลเวียนของอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบๆ หน่วยประมวลผลที่มักจะมีการไหลเวียนของอากาศน้อย และหัวต่อแบบพิเศษสำหรับ monoblock ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับได้ทั้งการรั่วไหลของของเหลว อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นและอัตราการไหลเวียนของอากาศ และในซีรี่นี้จะมีการ์ด Fan Extension II ที่สามารถต่อพัดลมระบายความร้อนเพิ่มได้อีก 6 ตัว
การมีแบนด์วิดท์ที่มากขึ้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ PCIe SSD และการ์ดจอหลายตัวกลายเป็นเสน่ห์ของเมนบอร์ดซีรี่ย์นี้ไปแล้ว โดย Zenith Extreme Alpha มี PCIe x16 จำนวน 4 ช่อง (x16/x8/x16/x8) ส่วนรุ่น Rampage VI Extreme Omega นั้นจะมี 3 ช่อง (x16/x8/x8) โดยทั้ง 2 รุ่นสามารถเชื่อมต่อ NVMe SSD ได้มากกว่า 3 ตัว แต่ในรุ่น Omega จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าตรงที่สามารถเปลี่ยนเลน PCIe จากหนึ่งในสล็อต M.2 ให้เป็นพอร์ต U.2 เพื่อให้เข้ากันได้กับไดรฟ์ NVMe ขนาด 2.5 นิ้วเหมือนกับ Intel Optane SATA SSD 900P Series นอกจากนี้ยังมีสล็อต M.2 อีก 4 ช่องที่ควบคุมโดยชิปเซ็ต X299 เพื่อให้ใช้งาน NVMe SSD แบบ quad โดยไม่ต้องใช้สล็อต PCIe หน่วยความจำของทั้งสองรุ่นนี้เป็นแบบ Quad-channel ช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ให้เมนบอร์ดทั้งสองรุ่นนี้มีค่ามากกว่ามาตรฐานถึง 2 เท่า ซึ่งสามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุด 128GB และมี Optimem II ซึ่งกำหนดเส้นทางการไหลของกระแสผ่านเลเยอร์ PCB ที่แตกต่างกันเพื่อลด crosstalk และสำหรับรุ่น Rampage VI Extreme Omega ได้มีการปรับปรุงให้รองรับความเร็วของ DDR4 ได้เกิน 4266MHz อีกด้วย
ทั้ง Alpha และ Omega มีพอร์ต Ethernet ความเร็วสูงสุด 10G จาก Aquantia และสามารถเชื่อมต่อ WiFi ได้ด้วย Intel Gigabit WiFi ที่รองรับมาตรฐาน WIFi 802.11ac พร้อม 2x2 MU-MIMO ตัวแปลงสัญญาณเสียง SupremeFX S1220 พร้อมกับชิปเสียงระดับไฮเอนด์ ESS Saber DAC มีค่า SNR ที่ 120dB สำหรับการขับเสียง และ 113dB สำหรับการบันทึกเสียง ในขณะที่ DAC มี DNR ที่กว้างขวางถึง 121dB ที่มี THD+N เพียง -115dB
นอกเหนือจากพอร์ตมาตรฐานแล้ว Alpha และ Omega ยังมีหัวต่อสำหรับ ASUS Node ที่ออกแบบมารองรับกับอุปกรณ์จากแบรนด์พันธมิตรให้สามารถควบคุมและแสดงสถานะของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ด้วยโปรแกรมเดียว
ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นได้ที่
www.asus.com/th/News
www.facebook.com/ASUSTHAILAND
www.facebook.com/ASUSROG.TH