โดยหลังจากที่ AIS และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการศึกษา วิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี 5G เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมาและได้เริ่มเตรียมทดลอง ทดสอบเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมบนเครือข่าย 5G ของ AIS ที่เปิดสัญญาณเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนจาก กสทช.อย่างต่อเนื่อง อาทิ
ร่วมนำเสนอเทคโนโลยี 5G และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ใน "ศูนย์ 5G AI/IoT Innovation Center" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เตรียมเปิด "ศูนย์ 5G Garage Innovation LAB" ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง AIS และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนจาก กสทช. ณ อาคารวิศวฯ ๑๐๐ ปี ภายในไตรมาส 1 ของปี 2562 เพื่อเป็นพื้นที่ทดลอง ทดสอบ 5G แห่งแรกในเมืองไทย ที่ให้ได้ลงมือพัฒนาจริง ภายใต้เครือข่าย 5G LIVE ซึ่งนิสิต นักศึกษา คณาจารย์ รวมถึงนักพัฒนา ใน 5G Ecosystem สามารถเข้ามาใช้ 5G Garage Innovation LAB เป็นพื้นที่ศึกษา เรียนรู้ ทดลอง ทดสอบ นวัตกรรม 5G ได้ในทุกแง่มุม เพราะจะประกอบไปด้วยข้อมูลเทคโนโลยีเกี่ยวกับ 5G ที่เป็นองค์ความรู้พื้นฐานแบบครบวงจร ตั้งแต่ รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างการทำงานของเทคโนโลยี 5G, อุปกรณ์โครงข่าย, อุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ ตลอดจนตัวอย่างรูปแบบการใช้งาน หรือ Use case ที่มาจากความร่วมมือของผู้ผลิตอุปกรณ์ระดับโลก พร้อมทั้งการสัมมนา workshop เพื่อพัฒนาความรู้ ความชำนาญในทางเทคนิค รวมไปถึงร่วม Co-Develop บริการต้นแบบบน 5G เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนทุกระดับในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง โดยคณาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, วิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากเอไอเอส และ พาร์ทเนอร์ในแวดวงโทรคมนาคมทั้งในและต่างประเทศ
ร่วมกับนักวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมนำนวัตกรรม IoT, AI, Robotic และ 5G เข้ามาประยุกต์ใช้ในเขตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพื้นที่โดยรอบ อาทิ สยามสแควร์ สนามกีฬา และโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้เป็นเสมือนศูนย์กลางเทคโนโลยี Digital ที่ทันสมัย และสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดในประเทศ โดยรูปแบบของ Use case ที่อยู่ระหว่างการเตรียมพัฒนา เช่น Video Analytics for Smart school, Robot Mini Cargo, Smart Stadium, Smart Pole, Robot Physical therapy ฯลฯ
"การที่ภาครัฐ และภาคการศึกษา ให้ความสำคัญกับการศึกษาเพื่อเตรียมรองรับเทคโนโลยี 5G ถือเป็นวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะ 5G คือเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะร่วมขับเคลื่อนประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณสมบัติ 3 ส่วน คือ ความเร็วที่เพิ่มขึ้น, ขยายขีดความสามารถการเชื่อมต่อของ IoT และ ทำให้เครือข่ายตอบสนองได้รวดเร็วและเสถียรที่สุด ดังนั้นถึงแม้ว่าวันนี้จะยังไม่มี business case ที่ชัดเจน แต่การศึกษาให้มากที่สุดย่อมทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ ได้ทันทีในวันที่เทคโนโลยีมาถึง ซึ่ง AIS พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่" นายวีรวัฒน์กล่าวในตอนท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส สุดาพร วัชรนิศากร, 02 0294127 email : [email protected]