นางปรีญาภรณ์ ตั้งเผ่าศักดิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2562 ได้มีการลงนามร่วมกับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เพื่อลงนามร่วมทุนในโครงการโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงใต้ดิน (Underground Optical Cable Network)
ขณะที่วัตถุประสงค์ของการร่วมลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ได้แก่ การลงทุนติดตั้งเครือข่ายสื่อสารใยแก้วนำแสง และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารที่ภาครัฐให้การสนับสนุนครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพในประเทศไทย เช่น การร้อยสายสื่อสารผ่านท่อใต้ดินหรือวิธีการอื่นใดที่ช่วยส่งเสริมให้สภาพของเมืองให้มีความเรียบร้อย สวยงาม และปลอดภัย อีกทั้งวัตถุประสงค์ของการร่วมทุนครั้งนี้ ยังเพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และสนับสนุนการเติบโตในอนาคต
โดยการร่วมทุนจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะถือหุ้นโดย บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) 51% และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) 49% ภายใต้เงื่อนไขในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น โดยคาดว่าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย. 2562 โดยจะมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 1 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ชำระค่าหุ้นตามสัดส่วนให้ครบ 100% ของทุนจดทะเบียน นอกเหนือจากผลตอบแทนที่คาดหมายจากโครงการที่จะร่วมลงทุนแล้ว ยังได้มาซึ่งพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง มีความชำนาญเฉพาะด้าน เพื่อช่วยส่งเสริมประโยชน์ต่อกัน และจะได้ร่วมมือกันหาโอกาสสำหรับการสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคต
"การได้ RATCH มาเป็นพันธมิตรกับเราในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นผู้มีสถานะการเงินที่มั่นคงแล้ว ยังจะช่วยขยายฐานธุรกิจด้านโทรคมนาคมให้กว้างขวางออกไปสู่กิจการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคต ที่มีแนวโน้มจะผนวกระบบการสื่อสาร ระบบการจ่ายและควบคุมกระแสไฟฟ้าเข้าด้วยกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ALT ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว โดยได้เป็นผู้รับเลือกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เป็นผู้ติดตั้งและวางระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) บนพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี" นางปรีญาภรณ์ กล่าว
สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ทาง RATCH เห็นถึงโอกาสในธุรกิจนี้ในอนาคต รวมถึงยังเป็นการมองหาโอกาสในการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ (Diversify) เพื่อลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ขณะเดียวกันRATCH ยังเป็นบริษัทที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า จึงได้เห็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจไปสู่กิจการโทรคมนาคม โดยในอนาคตกิจการไฟฟ้าและกิจการโทรคมนาคม จะมีความเชื่อมโยงเข้าหากันมากขึ้นตามทิศทางแห่งการพัฒนาเมืองด้วยเทคโนโลยีสื่อสารคือ Smart Grid, Smart City อีกทั้ง ALT ยังประกอบธุรกิจโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงเป็นธุรกิจหลัก และเป็นผู้ย้ายสายสื่อสารจากที่พาดบนเสาไฟลงสู่ใต้ดิน เส้นทางที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ ถนนพหลโยธิน ถนนพญาไท และถนนสุขุมวิท (บางส่วน) จึงมีประสบการณ์โดยตรง ที่จะช่วยสนับสนุนการร่วมทุนในครั้งนี้ให้มีการเติบอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคง