เด็กไทยควรรู้ สมดุลการทานอาหารและการออกกำลังอย่างถูกต้อง เพื่อการสร้างสุขภาพแข็งแรง

ศุกร์ ๒๑ เมษายน ๒๐๐๖ ๑๔:๐๓
กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
1..2..3..4...โยกย้าย บิดซ้าย เอียงขวา กันอย่างสนุกสนานไปตามเสียงเพลง ผสานกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันออกกำลังอย่างไม่มีเหนื่อย นี่คือหนึ่งกิจกรรมของคณะครู อาจารย์ 40 คนจากโรงเรียนต่าง ๆ ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนดีเด่นประจำปีของโครงการ “เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง” ที่สนุกกับการสัมมนากระฉับกระเฉง “สเต็ป ฟอร์ ฟัน ครั้งที่ 3” ซึ่งเป็นเวิร์คช็อปอบรมความรู้เชิงลึกของการสร้างสมดุลทั้งทางด้านโภชนาการและการออกกำลัง เพื่อให้ครูนำความรู้ไปถ่ายทอดแก่นักเรียนและชุมชนของตน ซึ่งจัดโดยกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลาในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อต่อยอดโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง ซึ่งมีพันธมิตรคือกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันโภชนาการมหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล คุณพรเพ็ญ อรัญยะนาค นักวิชาการสาธารณสุข 7 และคุณฐาปะนี คงรุ่งเรือง จากกองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย มาให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม ณ โรงแรมพัทยา ปาร์ค จ.ชลบุรี
โครงการ เด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง มีเนื้อหาเน้นการสร้างสมดุลในการรับพลังงาน (กิน) กับเผาผลาญพลังงาน (เคลื่อนไหวร่างกาย) รวมทั้งมุ่งสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการออกกำลังในโรงเรียน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ น้องๆ ชั้นปฐมศึกษา 5-6 ผ่านกิจกรรม “ก้าวขยับ กระฉับกระเฉง” ที่มุ่งสร้างทัศนคติ เชิงบวกในการออกกำลังด้วยการเดิน และกิจกรรมแอโรบิก “เต้นทุกที ดีทุกวัน” ปัจจุบันมีนักเรียนร่วมโครงการถึง 650,000 คน ใน 1,500 โรงเรียน และกำลังจะขยายโครงการสู่โรงเรียนภาคเหนือในปีการศึกษา 2549
เริ่มกันด้วยภาคปฏิบัติ โดย คุณพรเพ็ญ อรัญยะนาค นักวิชาการสาธารณสุข 7 กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย และคุณฐาปะนี คงรุ่งเรือง มาแนะนำเรื่องท่าออกกำลังที่ถูกต้อง โดยกล่าวถึงที่มาว่า “การออกกำลังเพื่อสร้างสุขภาพ มีผลวิจัยยืนยันแล้วว่าเราควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันๆละ 45 นาที หากไม่สามารถออกกำลังกายรวดเดียวได้ สามารถออกกำลังสะสม คือทำเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาสแล้วสะสมให้ได้วันละ 45 นาที ซึ่งให้ผลเหมือนกัน และการออกกำลังที่เหมาะสำหรับเด็กคือ การออกกำลังที่ทำให้เกิดการกดกระแทก เช่น กระโดด การวิ่ง เพราะแรงกดกระแทกที่ข้อต่อจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกและเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้ดี...เป็นพัฒนาการในวัยเด็กที่สำคัญอย่างยิ่ง และสิ่งที่ต้องเน้นอีกอย่าง คือ “การยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนและหลังการออกกำลังด้วย”
สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วเกิดบาดเจ็บตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ สาเหตุสำคัญคือ การออกกำลังกายผิดท่าด้วย การสะบัด, เหวี่ยง, กระชาก, ขย่มตัว, แอ่นหลัง เช่น เวลาเต้นแอโรบิกหลายคนจะสนุกกับเพลงและออกกำลังกายอย่างรุนแรงด้วยท่าที่ผิด ๆ ซึ่งอาจทำให้มีผลกับอวัยวะตามข้อต่อ หัวไหล่ หลัง และเข่าเกิดการบาดเจ็บได้
การเต้นแอโรบิก ควรเริ่มตั้งแต่ท่าเตรียมที่ถูกต้องคือ ยืนกางขาออก และย่อเข่าเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระแทกบนข้อต่อ โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย สำหรับท่าออกกำลังที่ควรหลีกเลี่ยง คือ หมุนเข่า ที่ทำกันอยู่คือ เอามือมากุมจับหัวเข่าที่งอเล็กน้อยทั้งสองข้างแล้วหมุนวน ควรเปลี่ยนมาใช้ท่ายืนแล้วยกเข่าขึ้นเป็นมุมฉากทีละข้างแล้วหมุนข้อเข่า, การหมุนข้อเท้า ที่ใช้เท้าจิกแตะไปที่พื้นแล้วหมุน ควรเปลี่ยนเป็นการยกเท้าขึ้น 1 ข้างมือเท้าเอว เกร็งเท้า ขยับปลายเท้าพับขึ้นลง ส่วนการแกว่งแขนให้อยู่ในระดับไหล่ ไม่เหวี่ยงสูงเกินไป เป็นต้น
ดวงกมล อิศรพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง แม่งานครั้งนี้ กล่าวถึงอีกหนึ่งไฮไลท์ของเวิร์คช็อปครั้งนี้ว่า “กิจกรรมวอล์ค แรลลี่ เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่สนุกสนานโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์กีฬา ซึ่งอาจารย์สามารถนำไปใช้ในโรงเรียนได้อย่างง่าย ๆ และช่วยสร้างทัศนคติที่ดีในการออกกำลังร่วมกับเพื่อน ๆ อีกทั้งกิจกรรมฐานต่าง ๆ ที่แฝงข้อคิด เช่น ฐานลำเลียงน้ำ..แฝงการทำงานเป็นทีมเวิร์ค, ฐานลาวาเดือด..ออกทั้งกำลังกายและกำลังสมองในทักษะการแก้ปัญหา, ฐานปิดตาล่าสมบัติ..ที่เน้นภาวะผู้นำ การสื่อสาร และทีมเวิร์ค, ฐานซ่อนของ ที่ให้แง่คิดทางด้านการเสียสละและการแก้ปัญหาร่วมกันเป็นกลุ่ม ฯลฯ”
พักเหนื่อยด้วยความรู้บำรุงสมอง โดย รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ความรู้เรื่องอาหารว่า “อาหารเป็นสิ่งสำคัญ มีคำกล่าวว่า “ให้อาหารเป็นยาของท่าน และให้ยาเป็นอาหารของท่าน” หมายความว่า การเลือกกินอาหารอย่างฉลาดมีส่วนช่วยในการรักษาและป้องกันโรค เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินอาจสร้างปัญหาให้เราได้
เราต้องทำความเข้าใจว่า ถ้าเราใช้พลังงานมาก ก็ทานมากได้ เราจึงต้องปลูกฝังให้เด็กรู้จักสร้างสมดุลในการเลือกกินอาหาร และการออกกำลังที่สามารถทำได้ทุกช่วงเวลา ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว การออกกำลังยังช่วยควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม และช่วยให้หลีกเลี่ยงจากการเผชิญกับโรคต่าง ๆ ด้วย
อาหารที่เหมาะสำหรับเด็กควรเน้นอาหารที่ให้พลังงาน พวกคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน และข้อเท็จจริงของการทานอาหาร ก็คือ ไม่ว่าจะกินอะไรก็ตามถ้าหากร่างกายเผาผลาญไม่หมดจะสะสมอยู่ในรูปไขมัน ทั้งนี้ คาร์โบไฮเดรตจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นชนิดแรกและส่วนที่เหลือจึงสะสมเป็นไขมันเปรียบเหมือนเงินฝากกระแสรายวัน ส่วนการกินไขมันจะสร้างไขมันเลยเหมือนการฝากประจำทั้งยังถอนยากหากร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังเลย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคไม่ติดต่อต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ ควรควบคุมอาหารที่กินให้เท่ากับจำนวนพลังงานที่ร่างกายต้องใช้ และที่สำคัญต้องนำพลังงานที่ได้รับจากอาหารออกมาใช้ด้วยการเคลื่อนไหวออกกำลัง” รศ.ดร.กัลยา กล่าวทิ้งท้าย
สนุกสนานแค่ไหนฟังเสียงอาจารย์พิศมัย จันทนมัฎฐะ จากโรงเรียน ผาสุกมณีจักรมิตรภาพที่ 116 จ. นนทบุรี เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า “อยู่ที่โรงเรียนเห็นเด็ก ๆ เต้นแอโรบิกกัน..เราก็ไม่รู้ว่าบางท่าถูกต้องหรือไม่ พอมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้เลยทำให้เราได้ลองทำเองได้เรียนรู้ด้วยตนเอง กิจกรรมบางอย่างจะเอาไปประยุกต์ใช้กับเด็ก ๆ เช่น วอล์ค แรลลี่” ด้านอาจารย์เผชิญ นาคมอญ จากโรงเรียนอนุบาลชุมชนบางบ่อ จ. สมุทรปราการ กล่าวว่า “คุ้มค่าที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับโครงการเด็กไทยสดใส ร่วมใจออกกำลัง เพราะได้ความคิดในการออกแบบท่าเต้นใหม่ ๆ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการใช้ท่าเต้นที่ผิด เช่น การหมุนตามข้อต่าง ๆ คิดว่าจะนำไปสอนเด็กต่อไป”
ส่วนอาจารย์ทัศวรรณ มาลาพันธุ์ จากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์สามพราน จ. นครปฐม เล่าว่า “ตื่นเต้น เพราะได้กลับมาเล่นมาทำอะไรแบบเด็ก ๆ ทำให้เราเข้าใจเด็กและคิดที่จะหาเกมหรืออะไรสนุกไปประยุกต์ใช้ด้วย และยังมีได้ความรู้ด้านอาหารที่เป็นความรู้ใหม่จะนำไปปลูกฝังให้เด็ก ๆ ต่อไป” สุดท้ายอาจารย์จากที่ราบสูง จ.ขอนแก่น โรงเรียนอนุบาลเขาสวนกวาง อาจารย์อรุณศรี ศรีพรรณ เผยว่า “ปกติเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว พอได้มาออกกำลังกายร่วมกับครูอาจารย์จากหลายๆ ที่สนุก ชอบทุกกิจกรรมเลย คิดว่ากิจกรรมทุกอย่างที่ได้เข้าร่วม สามารถนำไปใช้ได้กับทุกวิชา วันนี้ได้ไอเดียใหม่ไปสอนเด็ก คือ การออกกำลังคู่กับการกิน”
ได้เห็นบรรดาคุณครูสนุกสนานกันอย่างนี้รับรองว่า เด็ก ๆ ในโรงเรียนเตรียมจะต้องได้รับความสนุกสนานแบบที่อาจารย์ได้รับแน่ ๆ ทั้งนี้ การที่เราจะมีสุขภาพแข็งแรง มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ การสร้างสมดุลในการกินอาหารให้ครบทุกหมู่ อย่างหลากหลายและพอเพียง รวมทั้งออกกำลังกายให้เหมาะสม
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด
รัชนี รุ่งเสรีรัช โทร. 0-2955-0777-8 ต่อ 476
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร. 0-2434-8300
สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ