สภานิติบัญญัติแห่งชาติเคาะร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุน ระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ….จุดเริ่มต้นมิติใหม่ของการร่วมลงทุน

จันทร์ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ ๑๓:๕๔
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)เปิดเผยว่า ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2562 เป็นพิเศษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2562 ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. …. (ร่าง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ) แล้วลงมติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐพ.ศ.2556 (พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556)ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันมีขอบเขตของกฎหมายที่กว้างขวางอันส่งผลให้มีโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะต้องเข้ามาสู่กระบวนการตามกฎหมายดังกล่าว และยังไม่สะท้อนถึงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชนที่ชัดเจน ประกอบกับยังขาดมาตรการในการแก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและมาตรการส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน อันส่งผลให้การดำเนินโครงการมีความล่าช้าและเอกชนยังไม่ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในโครงการของรัฐเท่าที่ควรสคร. จึงได้เสนอร่าง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯขึ้น อันมีผลเป็นการยกเลิก พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 โดยมีสาระสำคัญดังนี้

(1) กำหนดเป้าประสงค์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนให้มีการจัดทำและดำเนินโครงการ

ร่วมลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน(Partnership)โดยมุ่งเน้นการใช้ความเชี่ยวชาญ

และนวัตกรรมของเอกชนในโครงการร่วมลงทุนและมีการถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญไปยังหน่วยงานของภาครัฐ

(2) กำหนดนโยบายของรัฐที่ชัดเจนและแน่นอนในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ โดยให้มีการจัดทำแผนโครงการร่วมลงทุนและกำหนดให้โครงการที่ไม่ได้อยู่หรือเกี่ยวข้องกับกิจการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะเช่น โครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ ไม่ต้องเข้ามาสู่กระบวนการตามกฎหมายดังกล่าว

ทั้งนี้ การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของหน่วยงานของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติจะต้องมีกฎระเบียบรองรับที่เหมาะสม

ในการคัดเลือกและการกำกับดูแลต่อไป

(3) กำหนดให้โครงการที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... จะต้องพิจารณาจากนิยามตามร่างมาตรา 4คำว่า "โครงการ" กล่าวคือ เป็นโครงการลงทุนของรัฐในกิจการ ที่หน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งหรือหลายหน่วยงานรวมกันมีหน้าที่และอำนาจต้องทำตามกฎหมายหรือกฎ หรือที่มีหน้าที่และอำนาจต้องทำตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งและนิยามคำว่า "ร่วมลงทุน" กล่าวคือ ร่วมลงทุนกับเอกชนไม่ว่าโดยวิธีใด หรือมอบให้เอกชนลงทุนแต่ฝ่ายเดียว โดยวิธีการอนุญาต หรือให้สัมปทาน หรือให้สิทธิไม่ว่าในลักษณะใดโดยจะต้องเป็นโครงการร่วมลงทุนในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะตามที่กำหนดไว้ในร่างมาตรา 7

(4) ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโดยเพิ่มเติมผู้แทนจากหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการให้สิทธิและประโยชน์ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนร่วมเป็นกรรมการรวมทั้งประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธานสมาคมธนาคารไทยเพื่อให้การกำหนดนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนมีมุมมองจากภาคเอกชนบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชนและกำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโครงการร่วมลงทุนเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการคัดเลือก

(5) กำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนการดำเนินการโครงการร่วมลงทุนที่กระชับ โปร่งใส และตรวจสอบได้ มากยิ่งขึ้นรวมถึงกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนในขั้นตอนต่างๆ

(6) กำหนดให้ในกรณีที่เกิดปัญหาหรืออุปสรรค หรือเกิดความล่าช้าในการจัดทำหรือดำเนินโครงการร่วมลงทุน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนและคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดกรอบระยะเวลา หรือพิจารณาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ทำให้สามารถดำเนินโครงการร่วมลงทุนได้อย่างรวดเร็วและเกิดการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

(7) กำหนดให้มีมาตรการส่งเสริมการร่วมลงทุนให้แก่โครงการร่วมลงทุนอย่างเหมาะสมภายใต้

กรอบวินัยการเงินการคลังเช่น สิทธิและประโยชน์ที่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน สิทธิการเช่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ในโครงการร่วมลงทุนที่มีระยะเวลาการเช่าไม่เกิน 50 ปี

(8) กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการโดยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจ เพื่อประโยชน์สาธารณะในการเข้าดำเนินโครงการร่วมลงทุนหรือมอบให้ผู้อื่นดำเนินโครงการร่วมลงทุนเป็นการชั่วคราว แก้ไขสัญญาร่วมลงทุน หรือบอกเลิกสัญญาร่วมลงทุนได้ โดยในกรณีที่เหตุจากการใช้อำนาจนั้นไม่ได้มาจากความผิดของเอกชนคู่สัญญา ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจ่ายค่าชดเชยแก่เอกชนคู่สัญญาอย่างเป็นธรรม

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวสรุปว่า ร่าง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ จะเป็นมิติใหม่สำหรับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนหรือ PPP ของประเทศไทย ซึ่งจะมีผลให้การจัดทำโครงการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะอันเป็นภารกิจของรัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับหลักการสากลเรื่อง PPP ที่สะท้อนหลักความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน และมีมาตรการในการส่งเสริม การร่วมลงทุนภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง โดยคำนึงถึงความสำเร็จของโครงการร่วมลงทุน ทำให้ภาครัฐสามารถยกระดับในการให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ สคร. อยู่ระหว่างเตรียมการชี้แจงทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ มีแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการตามร่าง พ.ร.บ. การร่วมลงทุนฯ ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version