ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริหารโฮมโปร และโครงการสวอนเลค พร้อมกันนั้นยังนั่งในตำแหน่งผู้บริหารของอีกหลายบริษัท เรียกว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่ของบ้านเราที่สร้างตำนานให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้กลยุทธ์ในการทำธุรกิจให้รวย...ให้ปังอย่างไรก็ตามในระหว่างทางกว่าจะถึงเส้นชัยก็มีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ จนกระทั่งผ่านวิกฤติมาได้ ทว่ายังมาเจอปัญหาสุขภาพอีก ถึงขั้นอัมพฤกษ์หรือสโตรก(stroke) พูดได้ว่าประสบการณ์ชีวิตของท่านผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก
โครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" จัดโดย ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย ได้เชิญคุณมานิตมาบรรยายในหัวข้อ"สิ่งสำคัญในชีวิต" ซึ่งเขาได้เกริ่นชีวิตในวัยเด็กให้ฟังว่า ฐานะครอบครัวไม่ค่อยดี อายุ7-8 ขวบก็มาช่วยพ่อแม่ขายล็อตเตอรี่ พออายุ13-14 ปีก็ไปเป็นเซลล์แมนช่วยพี่ชายขายเสื้อผ้าในต่างจังหวัด โดยเน้นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้า และให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารักและไว้ใจ ซึ่งได้ทำบนพื้นฐานของการให้
"การทำอะไร ถ้ามีจิตใจให้เขา จะเป็นกุศลบุญที่ทำให้เวลาเราทำอะไร เขาจะช่วยเหลือเราตลอด นอกจากนี้ผมยังยึดคำสอนของครูบาอาจารย์ที่สอนว่าจงทำให้ดีที่สุด "
ประธานกรรมการบริหารโฮมโปรบอกว่า ช่วงเริ่มตั้งห้างโรบินสันทำงานแบบหักโหมและทุ่มเท ทำให้เป็นโรคนอนไม่หลับ จึงได้ศึกษาธรรมะ พร้อมกับออกกำลังกายด้วยการวิ่ง โดยวิ่งฮาฟมาราธอนได้นานถึง5 ชั่วโมง 31 นาที ด้วยวิธีคิดที่ว่า"ถ้าตั้งใจมุ่งมั่น ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้"
"จากที่นอนไม่หลับ และมีความเครียดสะสม เหมือนน้ำต้มที่เดือดตลอด เมื่อมีความกดดันอยู่แต่เราไม่รู้วิธีการผ่อนคลายความเครียด กระทั่งเป็นสโตรก แต่สู้จนชนะเพราะถ้าไม่สู้จะแพ้และจะพิการตลอดชีวิต" เจ้าของโครงการสวอนเลคแจกแจงว่า นักธุรกิจส่วนมาก มุ่งหาเงิน ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ แต่ลืม เรื่องคุณภาพชีวิต "ผมแบ่งชีวิตเป็นออกมา 3 ตอน ตอนเกิดมาถึงอายุ 22 จากนั้น 23-60 ปีและช่วง 55-60 ไปถึงตาย มี 3 ช่วง ช่วงเด็กเป็นช่วงที่จะศึกษาอะไรก็ได้ ทำให้มีความรู้ ความมั่นคง ช่วงที่หาเงินจริง ๆ คือ 24-60 หน้าที่หาเงินอย่างเดียว ช่วง 60 ไม่ใช่ช่วงหาเงิน ต้องทำอย่างไรให้สุขภาพกายและใจ มีความสุข ชีวิตจริงๆ มีแค่นั้น"
สำหรับนิยามของคำว่า"ความสุข" คุณมานิตให้คำตอบว่า "เงินให้ความสะดวกเรา ให้ชีวิตมีความสะดวก อยากได้ อยากซื้ออะไร ได้ทุกอย่าง แต่เงินไม่ได้ให้ความสุขเรา เงินบางทีให้ความทุกข์ ความสุขแท้จริงของมนุษย์ คือ คนรอบข้างมีความสุข ถ้าคนรอบข้างไม่มีความสุข เราจะไม่มีความสุข ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน"
คุณมานิตเสนอว่าใน 1 วัน ควรจะจัดสรรเวลาที่มีอยู่สัก 2 ชั่วโมง เพื่อไปออกกำลังกายจะได้มีสุขภาพดี แต่เท่าที่เจอมานักธุรกิจส่วนใหญ่มักไม่สนใจ โดยอ้างแต่ว่าไม่มีเวลา ทั้งที่เวลาเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เท่าเทียมกัน ทุกคนมีทรัพย์สมบัติของเวลาที่มีคุณค่ามากที่สุด บ่อยครั้งผู้คนใช้เวลาอย่างไม่เกิดประโยชน์
คุณมานิตยังได้แนะนำกฎ 20/80 ของ" วิลเฟรโด พาเรโต " ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน ที่อธิบายถึงสิ่งที่สำคัญ หรือมีประโยชน์จะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญหรือไม่มีประโยชน์ ซึ่งมีจำนวนที่มากกว่า ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80
"กฎ20/80 เป็นสูตรมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งใช้ได้ทุกเรื่องในชีวิตประจำวันอย่างภัตตาคารที่มีอาหารอยู่ 100กว่าชนิด แต่มีแค่ 20 กว่าชนิดเท่านั้นที่ทำยอดขายกว่า80% ที่เหลือทำยอดขายได้แค่20 %และตัวนี้แหละที่ทำให้ร้านขาดทุน แต่เราไม่เคยคิด ถ้าเราคิดตัว20/80 กับการบริหารเวลา คุณทำงาน 1 ปีเท่ากับคนทำงาน3-4 ปี ศักยภาพจะเปลี่ยนทันที"คุณมานิตกล่าวและย้ำว่า ถ้าเข้าใจหลัก 20:80 ชีวิตจะเบาขึ้นเยอะ ประสิทธิภาพจะเยอะขึ้น และถ้าเข้าใจเรื่องเวลา จะใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมกันนี้คุณมานิตยังพูดถึงหลักการใช้ชีวิตของตัวเองว่า "มนุษย์เรามีเงื่อนไขเยอะมาก ผมเปลี่ยนการมีเงื่อนไข โดยใช้คำว่า โนคอนดิชั่น(condition) มาเป็นอีซี่(easy) ง่าย ๆ ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ จบ ใครปฏิบัติธรรมอยู่ ถ้าคุณเอาเงื่อนไข อันนี้ไม่ได้ อันนี้ฉันเกลียด หากทิ้งไปได้หมด คุณบรรลุไปแล้ว 80 % ทุกวันนี้เราสร้างเงื่อนไขกับตัวเอง สร้างความยุ่งยากกับตัวเองสูงมาก เราปล่อยชีวิตสบาย ๆ ได้ไหม อะไรก็ได้ แต่อยู่ที่ 20:80 ทั้งในเรื่องเวลา และทำตัวอีซี่ ประสิทธิภาพจะดีขึ้น"
ทั้งหมดนี้เป็นบทสรุปที่คุณมานิตได้ถ่ายทอดกลยุทธ์ในการดำเนินชีวิตให้เห็นถึงการอยู่อย่างมีความสุข และใช้ชีวิตสบายๆ ซึ่งเท่ากับการปล่อยวางในทางพุทธศาสนานั่นเอง พร้อมกับนำกฎ20/80 มาเป็นตัวขับเคลื่อนในทุกเรื่องราว
สนใจร่วมฟังธรรมยายในโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00-13:30 น. ณ อาคารซี.พี. ทาวเวอร์ ถนนสีลม