1. แรงผลักดันด้านผลิตภาพ
อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ของธุรกิจ ทัศนคติที่มีต่อต้นทุนอสังหาริมทรัพย์กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมุ่งไปที่ประสิทธิผลมากกว่าต้นทุนที่ประหยัด อสังหาริมทรัพย์นั้น มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีการเพิ่มผลิตภาพของธุรกิจ แต่กระนั้นก็ดี นี่มิใช่การเพิ่มความแออัดในการใช้พื้นที่เพื่อประหยัดต้นทุนทั้งมวล เพราะแนวทางนี้มักจะขัดขวางต่อการเพิ่มผลิตภาพ ในทางกลับกัน จุดมุ่งหมายในการเพิ่มผลิตภาพ จะเน้นไปที่การเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างพนักงานกับพื้นที่สำนักงาน ด้วยการลงทุนและการก่อให้เกิดพื้นที่ทำงานที่เพียบพร้อมด้วยบริการที่เกื้อกูลระหว่างกันเป็นอย่างดี
2. กระแสคลื่นเทคโนโลยี่ลูกต่อไป = รูปแบบการทำธุรกิจใหม่ = ความต้องการพื้นที่สำนักงานในรูปแบบใหม่
กระแสคลื่นทางเทคโนโลยี่ลูกต่อไป อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และการทดแทนแรงงานมนุษย์ด้วยเครื่องจักร
จะก่อให้เกิดช่วงเวลาการปรับตัวอย่างรวดเร็วของการจัดองค์กรและวิธีการทำงานในรูปแบบใหม่ นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในอนาคต ภาระหน้าที่และทำเลที่ตั้งของสถานที่ทำงาน และจะมีการจัดเสียใหม่ทั้งจำนวนพนักงานและคุณสมบัติที่ต้องการสำหรับธุรกิจ เหล่านี้จะทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร เพื่อให้เกื้อกูลต่อการเพิ่มผลิตภาพของธุรกิจให้สูงขึ้น ที่สำคัญคือ จะช่วยก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมสำหรับความต้องการพื้นที่สำนักงานในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก
3. ธรรมนูญหรือกฎเกณฑ์หลักขององค์กรที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
การปรับเปลี่ยนทางเทคโนโลยี่ที่เกิดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ได้ทำให้รูปแบบหารทำธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในขณะที่ธุรกิจต่างหันเข้าหาความชำนาญหลัก หรือแสวงหาความชำนาญงานที่แปลกใหม่ไปจากรูปแบบเดิมๆ ห่วงโซ่ของอุปทานก็จะเพิ่มความซับซ้อนขึ้นทั้งในแนวกว้างและแนวลึก ในขณะเดียวกัน กำลังแรงงานที่เริ่มประกอบด้วยคนหลายรุ่นและหลายเชื้อชาติ ทำให้โครงสร้างด้านกำลังแรงงานของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป แนวโน้มต่างๆเหล่านี้ ส่งผลกระทบหลายด้านต่อสถานที่ทำงาน ยกตัวอย่างเช่น มันอาจจะช่วยให้เพิ่มความจำเป็นที่จะต้องสร้างสถานที่ทำงานที่คล่องตัวและสอดประสานกัน เพื่อปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานให้ดีขึ้น
4. พื้นที่สำนักงานในลักษณะของบริการ จะกลายเป็นบรรทัดฐานของอุปสงค์หรือความต้องการ
พื้นที่สำนักงานกำลังกลายเป็นบริการทางธุรกิจที่มีความคล่องตัว ที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโต มากกว่าจะเป็นแค่พื้นที่ที่ตายตัวและเป็นภาระทางการเงินสำหรับผู้ใช้พื้นที่ การจัดตำแหน่งทางความคิดเสียใหม่เช่นนี้ จะเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้พื้นที่และจะกลายบรรทัดฐานของอุปสงค์ เจ้าของอาคารสำนักงานที่มีวิธีคิดแบบเก่า จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับพลวัตรใหม่นี้ และยอมรับเอาแนวทางการทำงานร่วมกันของนักธุรกิจรุ่นใหม่ โดยต้องทำอะไรให้มากไปกว่าแค่การออกแบบพื้นที่ทางกายภาพ และมุ่งไปสู่การให้บริการที่อ่อนโยน ความเป็นชุมชนและความเป็นอยู่ที่ดี
5. การเคลื่อนที่อย่างคล่องตัวและการควบรวมกิจการ จะเป็นกิจกรรมหลักของผู้ใช้พื้นที่สำนักงาน
เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของการควบรวมกิจการ และการแสวงหาคนเก่งมีความเข้มข้นขึ้น พอร์ตโฟลิโอของพื้นที่สำนักงานของผู้ใช้พื้นที่จะประกอบด้วยพื้นที่ในตลาดหลักและตลาดรองที่อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน โดยจะมีการเคลื่อนย้ายให้สถานที่ทำงานเข้าไปหาแหล่งของคนเก่ง แต่ก็จะต้องเป็นที่ที่ให้บริการความสะดวกสบายพื้นฐานที่จะช่วยธำรงรักษาคนเก่งเหล่านั้นเอาไว้ด้วย เรากำลังอยู่ในยุคใหม่ของการเคลื่อนตัวของผู้ใช้พื้นที่สำนักงาน ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างความซับซ้อนเพิ่มขึ้นให้เกิดแก่พอร์ตโฟลิโอของอสังหาริมทรัพย์ของธุรกิจเท่านั้น แต่จะขยายกลุ่มของอุปสงค์หรือความต้องการให้เกิดแก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วโลกด้วย
เมื่อกล่าวโดยสรุป แนวโน้ม 5 ประการนี้ จะกำหนดอนาคตของพื้นที่ทำงานในโลกนี้ว่า ควรจะเป็นอะไร ที่ไหน อย่างไรและทำไม ที่จะกำหนดรูปแบบการใช้พื้นที่สำนักงานของท่าน และที่ท่านควรจะให้ความสนใจ ดังนั้น ในรายงานฉบับนี้จึงแบ่งออกเป็นห้าบท ที่จะพิจารณาแนวโน้มแต่ละด้านตามลำดับ และด้วยการนำเสนอกรณีศึกษาที่เด่นๆในระดับโลกและการสำรวจผู้ประกอบธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกอย่างกว้างขวาง จะทำให้ได้รับความความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับรูปแบบพื้นที่สำนักงานในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป