สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย เดินหน้าโครงการ GovTech Mission – One Nations, One Mission ยกระดับประเทศไทย เปิดตัว 8 ทีมสตาร์ทอัพ ชนะเลิศด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข

พฤหัส ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ ๑๕:๕๙
สถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (FIT) เปิดตัวทีมชนะเลิศ 8 ทีม สุดยอดสตาร์ทอัพด้านการศึกษา (EdTech) และด้านสาธารณสุข (Heath Tech) ภายใต้โครงการ "GovTech Mission – One Nation, One Mission ยกระดับประเทศไทย " เวทีที่เปิดให้คนรุ่นใหม่ และ Startup ที่มีความมุ่งมั่นและมีความคิดสร้างสรรค์จากทั่วประเทศ มาร่วมกันแข่งขันออกแบบแผนงานที่ผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อหาคำตอบที่ลงตัวให้กับปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ชิงเงินรางวัลกว่า 7 แสนบาท เดินหน้าเทคโนโลยีสู่การสร้างต้นแบบและพัฒนาสู่ระดับนโยบายต่อไป

ดร.ธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้อำนวยการด้านนโยบายสาธารณะสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (FIT) กล่าวว่า ทีมสตาร์ทอัพด้านการศึกษาทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม CareerVisa (แคเรียร์วีซ่า) แพลตฟอร์มแนะแนวอาชีพครบวงจร แอพพลิเคชั่นแรกในประเทศไทย ที่มีแบบประเมินความเหมาะสมทางอาชีพ จากผู้มีประสบการณ์การในการทำงานหลากหลายสาขาอาชีพ ตั้งแต่ Investment banker ที่ Wall Street หรือนักแสดง Broadway ที่ New York ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยตั้งเป้าช่วยแก้ปัญหานิสิต นักศึกษา ที่จบการศึกษาแล้วให้ได้กว่าปีละ 6 ล้านคน ให้สามารถรู้จักตัวตนของตนเองและเลือกงานได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้การดำเนินงานของโครงการฯ กว่าจะได้ทีมชนะเลิศ จะมีการคัดเลือกจาก 100 ทีมให้เหลือเพียง 8 ทีมที่โดดเด่น เพื่อช่วยยกระดับประเทศไทย ซึ่งตลอดโครงการฯ มีการเก็บข้อมูลทั้ง 5 ด้านของการทำงาน และจับประเด็นทักษะของผู้ทำแบบประเมิน รวมถึงมีการใช้ ML ในการประเมินผล เพื่อแนะนำงานที่เหมาะสมต่อไป

ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 คือ ทีม School Bright (รู้จักในนามจับจ่าย) คือ แพลตฟอร์มบริหารจัดการโรงเรียนดิจิทัล เชื่อมโยงครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนในระบบมากกว่า 100,000 คนและโรงเรียนมากกว่า 100 โรงเรียน ช่วยลดเวลาการทำงานของครูให้เหลือเพียงแค่ 15 นาทีต่อวัน และจากการประเมินเวลาที่ครูทั้งประเทศต้องสูญเสียไปกับงานเอกสารต่อวันนั้น คิดแล้วใช้เวลาถึง 15,862 ปี แพลตฟอร์มนี้จึงช่วยคุณครูประหยัดเวลาการทำงานได้ถึง 90% และช่วยลดต้นทุนของโรงเรียนได้ถึง 30%

ทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ ทีม BASE Playhouse แพลตฟอร์มสร้างความรู้ในรูปแบบเกม ช่วยฝึกทักษะการทำงานจริงให้เกิดขึ้นผ่านการเล่นเกม เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 เป็นการผสมผสานการทำงานร่วมกันกับทักษะออนไลน์และออฟไลน์ ผ่านบอร์ดเกมที่สำคัญ ซึ่งระบบของเกมหลังจากที่ครูเซ็ตอัพระบบการสอนแล้ว เด็กจะสามารถสร้างทักษะที่สำคัญผ่านบอร์ดเกมที่ผสานหลักการดังกล่าว ที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ ทักษะของการสื่อสาร โดยเน้นที่ระดับมัธยมต้น ซึ่งในปัจจุบัน Base Playhouse มีการทดลองใช้งานอยู่ในโรงเรียนเพลินพัฒนา และวชิราวุธ เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ โดยเทคโนโลยีจะสามารถประเมินทักษะผ่านการวัดพฤติกรรมของการเล่น และวัดจากผลลัพธ์ของการผ่านกระบวนการเล่นที่ถูกต้อง

ทีมรองชนะเลิศอันดับ 3 คือ ทีม VOXY แพลตฟอร์มของการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยี AI คู่ขนานไปกับการสอนสด จากจุดเริ่มต้นของการที่คนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากมายเพียงใดก็ตาม ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวเกิดจากความไม่พร้อมของครู ความไม่กล้าพูดของคนไทย ซึ่งแพลตฟอร์มนี้สอนโดยเจ้าของภาษาตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางแอพพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ สามารถรองรับทั้งระบบ "iOS" และ "Android" ที่มีเนื้อหาที่อัปเดทตลอดเวลา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และองค์กรนั้นๆ ปัจจุบันมีผู้ใช้แล้วกว่า 5 ล้านคน

ทีมรองชนะเลิศอันดับ 4 ได้แก่ ทีม Codekit คือ แพลตฟอร์มของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ไปสู่เทคโนโลยีที่ยากขึ้น อาทิ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จากความต้องการของแรงงานที่ยังขาดทักษะการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้จะเห็นว่าประเทศไทยยังเน้นการเรียนการสอนผ่านการโค้ตลงกระดาษ ซึ่งนอกจากจะขาดแคลนครูที่มีทักษะของการสอนโค้ตติ้งแล้ว ยังมีอุปสรรคของหลักสูตรทางการศึกษาที่ยังไม่ให้ความสำคัญกับการเรียนโค้ตที่มากเพียงพอ โดย Codekit จะทำให้เกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ทั้งในผู้ใหญ่ที่ไม่มีพื้นฐานและเด็กระดับมัธยมต้น ช่วย ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา

สำหรับ 3 ทีม สตาร์ทอัพด้านสาธารณสุข (Health Tech) ที่ได้รับการคัดเลือกมี 3 ทีม ได้แก่ ทีม ARINCARE คือแพลตฟอร์มด้านเภสัชกรที่ใช้ดิจิทัลเข้ามาแทนที่ในการทำงานแบบเดิมๆ ทั้งนี้จากการสำรวจร้านขายยาในชุมชนพบมากกว่า 21,000 ร้านค้า และผู้ใช้บริการอีกกว่า 11 ล้านคน ยังมีการทำทุกอย่างด้วยมือและออฟไลน์ ขณะที่แพลตฟอร์มร้านขายยานี้เกิดขึ้นเพื่อให้บริการฟรี ทั้งในส่วนของบริหารคลังยา การเก็บข้อมูลคนไข้ การจ่ายยา โดยเปิดบริการให้ใช้ฟรีสำหรับเภสัชกรไทย รวมทั้งยังมีการให้คำปรึกษา และเก็บข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในการใช้งาน การบริหารธุรกิจ เป็นการช่วยให้ร้านขายยาชุมชนสามารถทรานฟอร์มเข้าสู่ดิจิทัลได้อย่างง่ายดายอีกด้วย รวมทั้งสามารถให้บริการได้กว่า 2,000 ร้านยา และสามารถจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้มากกว่า 30,000 รายในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ระบบยังสามารถทำงานร่วมกับการให้บริการโรงพยาบาลชุมชน หรือหน่วยงานสาธารณสุขชุมชนในการบริหารคลังยา และในอนาคตจะมีการเชื่อมข้อมูลในการใช้ยานอกโรงพยาบาลเหล่านี้เข้าสู่ระบบของโรงพยาบาล เพื่อให้กลายเป็นฐานข้อมูลหนึ่งเดียวกัน

ทีมรองชนะเลิศอันดับ1 ได้แก่ ทีม Medisee แพลตฟอร์มการบริการของคลินิก ทั้งรูปแบบบริการและบริหารจัดการที่ครบครัน ซึ่งเปิดโอกาสให้คนไข้ที่มีผลการรักษา สามารถนำผลดังกล่าวเข้ามารับคำปรึกษาจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะได้ เป็นการช่วยเสริมให้ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากของการรักษาได้เป็นอย่างมาก

ทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Remote-Care แพลตฟอร์มการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันให้สนุก โดยระบบการทำงานจะเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์ตรวจวัด Wearable Device เพื่อการวัดสุขภาพต่าง ๆ เข้ากับแอพพลิเคชั่น และสร้างรางวัลการดูแลสุขภาพจากการนับก้าวเพื่อแลกเป็นรางวัล ซึ่งปัจจุบันมีเป็นรูปแบบเงินสด และมีโรงพยาบาลภาครัฐใช้งานอยู่ 2 แห่ง และเอกชนบางแห่ง โดยมุ่งเน้นไปกลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable Diseases) หรือโรคอ้วน ที่เป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ ที่รัฐต้องอุดหนุนการรักษากว่า 8.5 ล้านคน ด้วยงบประมาณกว่า 2.8 หมื่นล้านบาท

"ปัญหาด้านการศึกษาเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญในหลายประเด็น รวมถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมในทุกระดับปัญหา ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยแนวทางเดิม ๆ เพียงอย่างเดียว ดังนั้นการริเริ่มโครงการ "GovTech Mission – One Nation, One Mission ยกระดับประเทศไทย" ที่มีความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการมีส่วนช่วยระดมความรู้ ความคิดเห็นสำหรับการบริหารจัดการ ซึ่งเมื่อได้แนวคิดและลงมือทำแล้วเชื่อว่าจะนำไปสู่การเชื่อมต่อกับทางหน่วยงานราชการ โรงพยาบาล รวมถึงโรงเรียนต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินต่อจากนี้จะได้มีการคัดเลือกทีมที่ชนะเลิศที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมในโครงการฯ โดยจะมีการหารูปแบบในการดำเนินงานต่อไป" ดร.ธราดล กล่าวสรุป

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า "โครงการนี้ตั้งใจจะเชื่อมโยงสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแก้ปัญหาด้านการศึกษาและด้านสาธารณสุข เพื่อช่วยแก้ปัญหาและการทำงานของภาครัฐเพื่อยกระดับประเทศไทย โดยจะช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงภาครัฐและได้รับการสเกลอัพให้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนที่จะได้รับประโยชน์ร่วมกันในอนาคตทั้งรัฐบาลและสตาร์ทอัพ

ขอขอบคุณทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการฯ ที่ผ่านมาคือจุดเริ่มต้นต่อจากนี้คือการนำความคิดของแต่ละทีมไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ทำได้จริงแบบลงลึกไปอีก สิ่งที่สตาร์ทอัพเหล่านี้กำลังทำอยู่ โดยจะช่วยเหลือการศึกษาและสาธารณสุขได้มากขึ้น เชื่อว่ามาถูกทางแล้ว และช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง หลายๆ คนคิดว่าการจะเข้ามาช่วยประเทศชาติ ต้องเข้ามาเป็นนักการเมือง ความจริงไม่ใช่ แต่สามารถช่วยได้ด้วยวิธีที่ทุกท่านกำลังทำอยู่"

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ GovTech Mission – One Nations, One Mission ยกระดับประเทศไทย กล่าวว่า โครงการฯ นี้เป็นหนึ่งในการแก้ไขปัญหาด้วยเทคโนโลยี ซึ่งตอบโจทย์ปัญหาด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข รวมถึงการเปิดรับนโยบายแนวคิดใหม่ ๆ เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ภาคเอกชนรู้เรื่องเหล่านี้มากที่สุด และการดำเนินโครงการฯ จึงเป็นการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) แอพพลิเคชันเข้ามาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาได้ถูกจุดและตรงกับความต้องการ และทำได้เห็นผลจริง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO