นายสเตฟาน เดอ เบตส์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ ER กล่าวว่า "การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคน (Tokenization) คือกระบวนการที่ใช้แปลงสินทรัพย์ เช่น อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ และหุ้น ให้กลายเป็นสัญญาดิจิทัลในรูปของหลักทรัพย์โทเคนที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้บนบล็อกเชน นี่คือสิ่งที่เรามุ่งมั่นที่จะทำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก สำหรับประเทศไทย เราเตรียมเข้ามาดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น เราต้องการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงให้เป็นโทเคนบนบล็อกเชน (Asset Tokenization) และประโยชน์ของหลักทรัพย์ดิจิทัล (Digital Securities) ให้กับตลาดก่อน จึงเป็นที่มาของการที่เราร่วมกับ Seamico และ Tezos เพื่อจัดงาน 'ดีเอส ซัมมิท 2019 – ไทยแลนด์' โดยชูประเด็นหลักทรัพย์ดิจิทัลเป็นวาระสำคัญ ซึ่งถือว่าเป็นการจัดงานในลักษณะนี้ครั้งแรกในประเทศไทย"
สำหรับแผนการขยายธุรกิจมายังประเทศไทย ER ได้ประกาศเข้าซื้อหุ้นจำนวน 21% ของ Seamico ทำให้ ERกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของ Seamico ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการขอใบอนุญาตและหารือถึงช่องทางการตลาดทั้งในประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ER มุ่งมั่นที่จะพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยผ่านการระดมทุนด้วยโทเคน หลังประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมมาแล้วในสหรัฐอเมริกา
"การซื้อขายหลักทรัพย์ในรูปของโทเคนเป็นสิ่งที่พูดถึงกันมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ ซึ่งผมเองมองว่าการแปลงสินทรัพย์ทางการเงินให้เป็นโทเคนจะเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2562 และในอนาคตต่อไป หลังจากที่เราประสบความสำเร็จในการแปลงสินทรัพย์ของโรงแรม The St. Regis Aspen Resort ให้เป็นโทเคนมาแล้ว เรามุ่งหวังที่จะขยายธุรกิจไปทั่วโลก ซึ่งเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำยอดขายทั่วโลก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นยอดขายโทเคนในไทย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้" นายสเตฟาน เดอ เบตส์ กล่าวเพิ่มเติม
ER สามารถระดมทุนเป็นเงิน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการขายโทเคน Aspen Digital ที่เปิดโอกาสให้ นักลงทุนสามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของโรงแรม The St. Regis Aspen Resort ได้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการแปลงสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ การเปิดขายหลักทรัพย์ด้วยวิธีการนี้ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะวิธีการนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ โดยเฉพาะการที่นักลงทุนสามารถขายได้ก่อนที่อสังหาริมทรัพย์นั้นๆ จะเปลี่ยนเจ้าของกระบวนการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะนี้ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดที่โดยทั่วไปแล้วอยู่ไกลเกินความสามารถที่จะเข้าถึง ทั้งยังเป็นการเปิดช่องทางใหม่ในการระดมเงินทุนผ่านหลักทรัพย์ดิจิทัลด้วย
"การนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นโทเคนคือกระบวนการที่จะช่วยมอบอิสรภาพในการลงทุนให้กับนักลงทุน เพราะเราไม่จำเป็นต้องมีคนกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์อีกต่อไป" นายสเตฟาน เดอ เบตส์ กล่าว "นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ขายด้วย หากเทียบกับวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเดิม เพราะเราสามารถลดค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับคนกลางได้ และหากโทเคนมีสภาพคล่องที่ดีก็สามารถเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นได้"
"ดีเอส ซัมมิท 2019 – ไทยแลนด์" คืองานประชุมบล็อกเชนที่ชูประเด็นหลักทรัพย์ดิจิทัลและหลักทรัพย์โทเคนเป็นวาระสำคัญครั้งแรกในประเทศไทย โดยภายในงานนี้มีวิทยากรชั้นนำมากกว่า 15 ท่าน รวมทั้งนายสเตฟาน เดอ เบตส์ ได้ร่วมนำเสนอมุมมองที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมรวมถึงโครงสร้างกฏเกณฑ์ที่จะบังคับใช้กับหลักทรัพย์ดิจิทัลและมาตรฐานในการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนในอนาคต
งานประชุมครั้งนี้ถือเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบุคลากรชั้นนำจากทั่วโลกและในประเทศไทยกว่า 300 คนจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจหลักทรัพย์ การธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และการจัดการสินทรัพย์ ที่จะมารวมตัวเพื่อพูดคุยและสร้างเครือข่ายร่วมกัน