สถานการณ์การทุจริตในประเทศไทย : โดยพิจารณาจากเรื่องกล่าวหาร้องเรียนที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 5 ปี ย้อนหลัง สามารถจัดกลุ่มประเภทคดีทุจริต ที่พบว่ามีการกล่าวหาร้องเรียนมากที่สุด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557-2561 3 ลำดับ คือ 1. การทุจริตเกี่ยวกับจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีแนวโน้มที่ลดลงในปี 2560 - 2561 2. การทุจริตเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและความมั่นคง ซึ่งมีแนวโน้มที่สูงขึ้น และ 3. การทุจริตเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ มีแนวโน้มคงที่
สถานการณ์การทุจริตในประเทศไทย : ภาพอนาคต
เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. 2561 บังคับใช้ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 สถานการณ์การทุจริตซึ่งพิจารณาจากเรื่องกล่าวหาที่สำนักงาน ป.ป.ช. รับไว้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2561 จนถึงปัจจุบัน เฉลี่ยต่อเดือน ปรากฏว่ามีคดีทุจริตที่มี ผู้กล่าวหาร้องเรียน แยกตามประเภทกลุ่มคดีทุจริต ดังนี้
1. กระบวนการยุติธรรมความมั่นคง จำนวน 144 เรื่องต่อเดือน
2. สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 121 เรื่องต่อเดือน
3. ทรัพยากรธรรมชาติและวิ่งแวดล้อม จำนวน 64 เรื่องต่อเดือน
4. เศรษฐกิจ จำนวน 49 เรื่องต่อเดือน
5. การศึกษา จำนวน 47 เรื่องต่อเดือน
6. การจัดซื้อจัดจ้าง จำนวน 18 เรื่องต่อเดือน
7. อื่นๆ จำนวน 63 เรื่องต่อเดือน
โดยเมื่อควบคุมตัวแปรอื่นให้คงที่ สถานการณ์การทุจริตที่พิจารณาจากเรื่องกล่าวหาที่สำนักงาน ป.ป.ช. คาดว่าจะรับไว้ดำเนินการเฉลี่ยต่อปี จะเป็นเรื่องกล่าวหาประเภทกระบวนการยุติธรรมและความมั่นคงโดยเฉพาะเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ การทุจริตเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายมากที่สุดจำนวน ปีละ 1,728 เรื่อง ในทางกลับกันเรื่องกล่าวหาการทุจริตเกี่ยวกับจัดซื้อจัดจ้างจะมีน้อยที่สุดเพียง 216 เรื่อง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตัวแปรอื่นที่อาจส่งผลต่อสถานการณ์การทุจริตแล้ว สถานการณ์การทุจริต อาจเปลี่ยนแปลงไป โดยตัวแปรที่มีนัยสำคัญต่อสถานการณ์การทุจริตในอนาคตประกอบด้วยก กลุ่มตัวแปรที่อาจทำให้การทุจริตเพิ่มมากขึ้น
1. รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
- การทุจริตเชิงนโยบายโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการให้บริการสาธารณะ / โครงสร้างพื้นฐานเพื่อหวังผลทางการเมือง
- การทุจริตเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนรัฐบาล
2. การบริหารท้องถิ่นหลังเลือกตั้งท้องถิ่น การใช้จ่ายงบประมาณผิดวัตถุประสงค์และการทุจริตเกี่ยวกับ การจัดซื้อ จัดจ้างเพื่อถอนทุน
3. การมุ่งพัฒนาประเทศไทย 4.0
การทุจริตเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เช่น คมนาคม พลังงาน โทรคมนาคม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
กลุ่มตัวแปรที่ กลุ่มตัวแปรที่อาจทำให้การทุจริตลดลง
1. พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
- การป้องกันการทุจริตเชิงรุกและการมีส่วนร่วมในการป้องกันจากทุกภาคส่วน
- ป้องปรามการทุจริตผ่านกระบวนการตรวจสอบและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มมากขึ้น
- ปราบปรามการทุจริตได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใต้กรอบระยะเวลาการตรวจสอบ และไต่สวนที่สั้นลงทำให้เกิดความเกรงกลัวต่อการทุจริต
2. พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
กำหนดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความโปร่งใสและเปิดเผยข้อมูลทุกขั้นตอน
3. พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558
กำหนดให้ทุกหน่วยงานจัดทำคู่มือสำหรับประชาชน ซึ่งแสดงถึงหลักเกณฑ์ วิธีการ ขั้นตอน และระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตเพื่อความชัดเจนโปร่งใสและตรวจสอบได้
4. ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี / ยุทธศาสตร์ชาติฯ ระยะที่ 3
กำหนดกลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ และปลูกฝังค่านิยมไม่ทนต่อการทุจริต โดยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เน้นย้ำว่า การทุจริตของประเทศไทยในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าจะลดลงตามปัจจัยต่างๆ เช่น ระบบการตรวจสอบที่เข้มแข็ง และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมากขึ้น ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้น คนที่กระทำการทุจริตเกิดความเกรงกลัวมากขึ้น ส่วนค่า CPI คาดว่าจะอยู่ที่ 40 คะแนนในปี 2564