ทิสโก้ เวลธ์ เปิดมุมมองการลงทุน ชู “โกลบอล เฮลธ์แคร์” ฝ่าวัฏจักรเศรษฐกิจขาลง

พฤหัส ๐๗ มีนาคม ๒๐๑๙ ๑๓:๒๕
ทิสโก้ เวลธ์ จัดงานสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum ครั้งที่ 15 ในหัวข้อ "เจาะลึก Mega Trend เปลี่ยนโลก : เฮลธ์แคร์โอกาสสร้างกำไรต้านแรงผันผวน" เปิดหุ้นกลุ่ม Global Health Care หลุมหลบภัยช่วงปลายวัฎจักรเศรษฐกิจ ชี้กำไรไม่ผันผวนแถมเติบโตได้ดีในระยะยาว บลจ.ทิสโก้ชู 5 กองทุนเด่นเกาะกระแส ช่วยนักลงทุนสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยในงานสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum หัวข้อ "เจาะลึก Mega Trend เปลี่ยนโลก : เฮลธ์แคร์โอกาสสร้างกำไรต้านแรงผันผวน" ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี 2562 เศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลกขยายตัวในอัตราที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิต ตัวเลขส่งออกที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนว่าวัฏจักรเศรษฐกิจโลกเคลื่อนเข้าสู่ช่วงปลายของการขยายตัวแล้ว ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมไปถึงการเจรจา Brexit และการเลือกตั้งในหลายประเทศ ดังนั้น การลงทุนในปีนี้จึงไม่ใช่งานง่ายและมีความท้าทายเป็นอย่างมาก

"การเติบโตของเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยในไตรมาส 1/2562 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 1.9% จากผลกระทบของ Government Shutdown ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป จีน ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง ในส่วนของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาคต่างประเทศ โดยส่งออกยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากสงครามการค้า การท่องเที่ยวมีแนวโน้มชะลอลงจากนักท่องเที่ยวจีน ส่วนอุปสงค์ในประเทศที่เดิมคาดว่าจะมาชดเชยภาคต่างประเทศได้นั้น อาจไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างแข็งแกร่ง จึงเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ตลอดทั้งปีนี้" นายคมศร กล่าว

หากพิจารณาในด้านการลงทุน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ การส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน โดยเรามองว่าจากนี้ตลาดหุ้นโลกมี Upside ค่อนข้างจำกัด เพราะตลาดได้ซึมซับข่าวด้านบวกไปมากแล้ว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างน่าผิดหวัง จึงมีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานลงมาอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ตามปกติกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาลง ผลกำไรของตลาดหุ้นก็จะหดตัวตามไปด้วย ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงปลายวัฏจักร จึงควรเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลกำไรไม่ผันผวนไปตามเศรษฐกิจโลกมากนัก และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เช่น ในกลุ่ม Global Health Care ซึ่งได้ประโยชน์จาก Megatrend ของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มนี้มีกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจหดตัว

ยกตัวอย่าง กลุ่ม Health Care ในสหรัฐฯ จากข้อมูลย้อนหลังในช่วงเศรษฐกิจถดถอย 3 ครั้งล่าสุดในปี 2533, 2544 และ 2551 ในช่วงเวลาเดียวกัน กำไรของบริษัทของกลุ่ม Health Care สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 9%, 9% และ 4% ตามลำดับ ขณะที่กำไรของตลาดหุ้นโดยรวม (ดัชนี S&P50) ลดลงถึง 28%, 22% และ 36% ตามลำดับ นอกจากนั้นอัตราการขยายตัวในระยะยาวยังดีกว่าตลาดโดยรวม โดยหากนับจากปี 2533 ถึง 2561 หุ้นในกลุ่ม Health Care ของสหรัฐฯ มีกำไรเติบโต 1,356% สูงกว่าตลาดโดยรวมถึงกว่า 1 เท่าตัว (กำไรของดัชนี S&P500 โต 520% ในช่วงเดียวกัน)

นอกจากนั้น หากพิจารณาในแง่ของราคา หุ้นกลุ่ม Health Care ในสหรัฐฯ ปัจจุบันเทรดที่ Forward P/E 15.3 เท่า ต่ำกว่าดัชนีรวม S&P500 ซึ่งเทรดที่ 15.6 เท่า เป็นราคาที่มี Discount จากตลาด ในขณะที่ค่าเฉลี่ยระยะยาว หุ้นกลุ่ม Health Care เทรดที่ P/E Premium จากตลาดราว 10% นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก

"ในยามที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักร และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเริ่มทยอยมากขึ้น การตั้งเป้าหมายการลงทุนอาจต้องเปลี่ยนไป จากเดิมที่มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนสูงสุดในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น เป็นการเน้นการบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินต้นในยามที่เศรษฐกิจโลกดูเปราะบางขึ้น โดยในกลุ่ม Global Health Care น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน" นายคมศร กล่าว

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า การลงทุนในเมกะเทรนด์มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เห็นได้จากราคาหุ้นของ Amazon และ Apple ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในเมกะเทรนด์เทคโนโลยี ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 2,000% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น หากนักลงทุนสามารถประเมินอนาคตได้ถูกต้อง มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานพอ พร้อมทั้งมีความเข้าใจต่อความผันผวนในระยะสั้น ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้

"ปัจจุบันหุ้นกลุ่ม "เฮลธ์แคร์" และกลุ่ม"เทคโนโลยี" ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุนที่สุดในช่วงนี้ เพราะด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้นประกอบกับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยิ่งผลักดันให้ความต้องการดูแลรักษาสุขภาพและการแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเข้าไปแทรกซึมอยู่ในอุตสาหกรรม รวมถึงชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกเพศทุกวัยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต" นายสาห์รัชกล่าว

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการได้รับโอกาสการลงทุนที่ดีจากการลงทุนในเมกะเทรนด์ดังกล่าว บลจ.ทิสโก้มีกองทุนเด่นที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนด์ 3 กองทุน คือ 1. กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุน CS (Lux) Global Digital Health Equity ชนิดหน่วยลงทุน IB USD (กองทุนหลัก) เน้นลงทุนในบริษัทที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการแพทย์ (Digital Health) ทั่วโลก

2. กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เฮลธ์แคร์ สตาร์ พลัส (TGHSTARP) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่มีศักยภาพสูงทั่วโลกผ่านกองทุนรวมเฮลท์แคร์ต่างประเทศทั้งประเภทกองทุนที่มีนโยบายเชิงรุก (Active) และ อีทีเอฟ โดยมีจุดเด่นคือผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนเฮลท์แคร์ต่างๆ ที่มีผลงานบริหารกองทุนที่โดดเด่น และมีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับแนวทางของทางผู้จัดการกองทุนของ บลจ.ทิสโก้ 3. กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เทคโนโลยี อิควิตี้ (TISTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) มุ่งลงทุนเฉพาะเจาะจงในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) กระจายการลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศและ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน อย่างไรก็ตาม กองทุน TGHDIGI, TGHSTARP และTISTECH ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

ในมุมของกลุ่มประเทศที่น่าสนใจในช่วงนี้ บลจ.ทิสโก้มองว่าตลาดหุ้นจีนและไทยสามารถเข้าลงทุนได้ โดยปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ผลจากการเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐฯ เริ่มมีความคืบหน้า ประกอบกับหุ้นจีนถูกนำเข้ามาคำนวณรวมในดัชนี MSCI และทางการจีนประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายและกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง จึงยังมีโอกาสไปได้ต่อ ขณะที่ประเทศไทยมีปัจจัยบวกเรื่องการเลือกตั้งในประเทศรออยู่ ซึ่งหลังจากนี้อาจได้เห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาซื้ออีกครั้ง แต่ยังต้องติดตามเรื่องผลการเลือกตั้งว่ารัฐบาลจะมีการรวมพรรคการเมืองใดบ้าง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยที่อาจเติบโตแบบชะลอตัว ดังนั้น การลงทุนในหุ้นไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามสถานการณ์

สำหรับกองทุนเด่นในส่วนนี้ บลจ.ทิสโก้มี 2 กองทุนด้วยกันคือ 1. กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า สตาร์ พลัส (TCHSTARP) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) มีนโยบายลงทุนในประเทศจีนผ่านกองทุนรวมต่างๆ รวมทั้งอีทีเอฟ โดยผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกและกระจายการลงทุนไปยังกองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น และ 2. กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ (TSF) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีประมาณ 15-20 บริษัท โดยผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการที่ดี และจะปรับเปลี่ยนหุ้นอย่างสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะ

ทั้งนี้ กองทุน TGHDIGI, TGHSTARP, TISTECH และTCHSTARP อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวน บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version