คุณพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ Insurtech Ignite Hackathon #2 ว่า "คณะกรรมการพัฒนาธุรกิจและวิชาการประกันภัย เห็นถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อช่วยให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุดกับอุตสาหกรรมการประกันภัย จึงได้จัดโครงการประกวดผลงาน Insurtech Startup ภายใต้ชื่องาน Insurtech Ignite Hackathon #2 ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มได้เหมาะสม ซึ่งผู้ชนะการประกวดจะได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 180,000 บาท"
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กล่าวเปิดตัวโครงการ Insurtech Ignite Hackathon #2 มีเนื้อหาว่า "เทคโนโลยีประกันภัย หรือ Insurtech เป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้คนไทยในยุคนี้เข้าถึงการประกันมากขึ้น รวมไปถึงการมองอุตสาหกรรมประกันภัยในมุมมองที่ต่างจากที่เคยเป็น จากเดิมที่ประกันภัยเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เข้าใจยาก หรือแม้กระทั่งการจ่ายเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงการเลือกซื้อ เทคโนโลยีจะมาช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้น้อยลง และหากดูมูลค่าของอุตสาหกรรม Insurtech ในประเทศไทย พบว่ามีมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยทางสำนักงาน คปภ. เล็งเห็นว่าโครงการ Insurtech Ignite Hackathon #2 เป็นโครงการสำคัญมากในการผลักดันนวัตกรรม Insurtech ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี"
คุณจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้บรรยายภาพรวมธุรกิจอุตสาหกรรมประกันภัยในปัจจุบัน ว่า "ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทยที่ผ่านมามีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างดี อาจดูได้จากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีใหม่มาช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมประกันภัยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น อีกทั้งภาครัฐก็มีการส่งเสริมให้มีการลงทุน และมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้ตลาดโดยรวมค่อนข้างเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
นอกจากนี้ ภายในงานได้มีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ "โอกาสของ Insurtech Startup ในยุค Thailand 4.0" ดำเนินรายการโดย คุณอธิษฐา จิตรานุเคราะห์ (Partner, Tilleke & Gibbins) ร่วมเสวนากับ ดร. ธรรมธีร์ สุขโชติรัตน์ (ที่ปรึกษา TQLD) ดร. ฉัตรชัย ธนาฤดี (CEO, JP Insurance) และคุณกิตตินันท์ อนุพันธุ์ (CEO & Founder, Clamdi) ให้ใจความสำคัญในการเสวนาไว้ว่า การที่ใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจประกัยภัยเป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจ ตลอดจนภาคหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยจะต้องผลักดัน และสนับสนุนให้เกิดเทคโนโลยี Insurtech ให้มากขึ้น ซึ่งการมีโครงการ Insurtech Ignite Hackathon #2 นับเรื่องที่น่ายินดีมากที่มีภาคสมาคมชั้นนำด้านประกันภัยและหน่วยงานกำกับดูแลร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี Insurtech ขึ้นมา อันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ในการเพิ่มโอกาส Insurtech Startup ที่มีอยู่ และ Insurtech Startup หน้าใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในวงการ Startup และธุรกิจประกันภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในยุค Thailand 4.0 เช่นนี้ได้อย่างดี
ผู้สนใจเข้าดูรายละเอียดและสมัครเข้าโครงการ Insurtech Ignite Hackathon #2 ได้ ที่ https://thaifintech.org/ignite-hackathon ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562