ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก เปิดเผยว่า สถาบันพลาสติก ได้เปิดบริการพัฒนาผู้ประกอบการพลาสติก สู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยร่วมเซ็นเอ็มโอยูกับ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเฟค ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในงานวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานสารสนเทศอย่างครบวงจร เพื่อบริการพัฒนาผู้ประกอบการพลาสติก ให้ก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการใช้เทคโนโลยีไอโอที หรือ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ (Internet of Things: IOT) และนับว่าเป็นครั้งแรกและที่เดียวในประเทศไทยสำหรับการนำไอโอทีมาใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก
ทั้งนี้ได้รับเกียรติ จาก ดร.สมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ความสำคัญ ของอินดัสทรี 4.0 กับการพัฒนาประเทศ" ณ อาคารต้นกล้าแกลอรี่ ศูนย์ปฏิรูป-อุตสาหกรรมสู่อนาคต สถาบันพลาสติก กระทรวงอุตสาหกรรม กล้วยน้ำไท กรุงเทพฯ
ดร. เกรียงศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจของสถาบันพลาสติก พบว่าจำนวนสถานประกอบการทั้งหมดที่มีประมาณ 3,000 ราย โดยกว่า 80% เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีรูปแบบการผลิตที่เน้นปริมาณ มีการนำระบบช่วยการผลิตเข้ามาประยุกต์ใช้บ้าง แต่ยังคงมีการใช้แรงงานเป็นส่วนสำคัญ อย่างไรก็ตามปัจจุบันเริ่มประสบปัญหาด้านแรงงาน การวิเคราะห์และตัดสินใจ ทำให้ต้องหาแนวทางแก้ไข ซึ่งหลักการของอุตสาหกรรมดิจิทัล และแนวทางการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้เข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องเหล่านี้
"ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติก ส่วนหนึ่งยังขาดพื้นฐานของอุตสาหกรรม 4.0 บางประการ ซึ่งก็คือการเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต ร่วมกับอุปกรณ์เซ็นเซอร์ (sensor) ต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้กับเครื่องจักรหรือเครื่องขึ้นรูปพลาสติก
การติดตั้งอุปกรณ์ ไอโอที (Internet of Things :IOT) ให้กับเครื่องขึ้นรูปพลาสติกนี้ เป็นบันไดขั้นแรกสู่การปฏิวัติสถานประกอบการ" ดร. เกรียงศักดิ์ กล่าว
ด้านนายธนกร ชาลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็มเฟค เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เอ็มเฟคจะเป็นผู้ให้บริการคำปรึกษา ออกแบบ แพลตฟอร์ม การใช้งานภายในองค์กรของผู้ประกอบการพลาสติก รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์และเซ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับกระบวนการขึ้นรูปต่าง ๆ หลากหลายชนิด ช่วยให้สถานประกอบการ มีต้นทุนที่ได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งด้านข้อมูล แรงงาน เทคโนโลยี ประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น
"บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาโซลูชั่นไอโอที สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกในครั้งนี้ โดยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ และแพลตฟอร์มเข้ากับเครื่องขึ้นรูปพลาสติก เพื่อดึงข้อมูล จัดเก็บ และจัดเรียงข้อมูล นำไปสู่การวิเคราะห์ปัญหา พัฒนากระบวนการผลิต และการวิเคราะห์หาต้นทุนที่ถูกลง รวดเร็วและคุ้มค่ามากที่สุด โดยจะประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ การเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์จะช่วยให้ทราบถึงข้อมูลที่เกิดขึ้นในระหว่างการผลิต ทราบสภาวะการผลิตได้ทันที ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน้ตบุค แทบแล็ต หรือสมาร์ทโฟน นอกจากนั้นยังดูแลรักษาเครื่องจักรโดยสามารถออกแบบการซ่อมบำรุงรักษาเชิงป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังลดอัตราการเกิดการหยุดทำงาน (break down) ของเครื่องจักรได้อีกด้วย"
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า "เอ็มเฟค มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ก้าวสู่ยุคที่ 4.0 โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีโอกาสให้คำปรึกษา พัฒนา และวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับบริษัทวิสาหกิจทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งนี้บริษัทฯยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เน้นการพัฒนาโซลูชั่นจากประสบการณ์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ที่หลากหลาย สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mfec.co.th"