นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเน้นการนำร่องผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ที่มองเห็นเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มองว่าธุรกิจที่มีรายได้หรือได้ประโยชน์จากการจัดจำหน่าย รวมถึงให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูง เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวได้เข้ามามีบทบาทในตลาดของผู้บริโภคค่อนข้างมาก โดยปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่านทางโลกออนไลน์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงร้านค้าปลีกที่มีขนาดเล็กลง สินค้ามีจำกัด ขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ(E-Commerce) ไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่หน้าร้าน สินค้ามีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญปัจจุบันเริ่มมีเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจ E-Commerce สามารถตอบสนองความต้องและนำเสนอสินค้าทั้งบริการและโปรโมชั่น ให้ลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนอัตราการเติบโตของความนิยมโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับโฆษณาผ่านสื่อแบบดั่งเดิม โดยเติบโตอยู่ที่ประมาณ 17% โทรทัศน์ 2% วิทยุ 1% และ สื่อสิ่งพิมพ์ลดลง 6% ต่อปีตามลำดับ และหากพิจารณาส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรม E-Commerce เฉพาะธุรกิจค้าปลีก ในช่วง 5 ปีที่ผ่านเติบโตประมาณ 10% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า โอกาสในการเติบโตของธุรกิจประเภทนี้ยังมีอีกมาก หากเทียบกับการเข้าถึงผู้บริโภคในปัจจุบันผ่านเทคโนโลยีต่างๆ " นายพจน์กล่าว
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น บลจ.วรรณ จึงเล็งเห็นเป็นโอกาสลงทุนอุตสาหกรรม E-Commerce ทั้ง ธุรกิจ E-Commerce ค้าปลีกและผู้ให้บริการออนไลน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว และระหว่างวันนี้ ถึง 25 มีนาคม 2562 บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ โกลบอล อีคอมเมิร์ซ (ONE-GECOM) เน้นลงทุนหุ้นในต่างประเทศผ่าน Amplify Online Retail ETF ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่มีการกระจายการลงทุนที่อยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมีสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนที่เหลือ 30% จะพิจารณาคัดเลือกหุ้นรายตัวอื่นๆ โดยคัดเลือกจาก Amplify Online Retail ETF ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น บริษัทหรือกิจการอื่นๆที่ได้รับประโยชน์จากช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ และหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น หุ้นที่ให้บริการขนส่งสินค้าจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
นายพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนหลัก Amplify Online Retail ETF มีสัดส่วนลงทุนในธุรกิจค้าปลีก (Traditional Retail) ประมาณ 61% ธุรกิจ E-Commerce ที่ให้บริการแพลตฟอร์ตการซื้อขายออนไลน์และชำระเงิน (Market Place) 26% และ 13% ธุรกิจออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว(Online Travel Agency) อาทิ Ebay, Nutrisystem, wayfair, Netflix, Amazon, Expedia Booking Holding, Tripadvisor เป็นต้น ซึ่งกองทุน ONE-GECOM เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนได้สูง และมีวัตถุประสงค์กระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 80%