ที่มาของการพัฒนา AI storage
คุณไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องของ "ข้อมูล" ในยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ข้อมูลการทำธุรกรรมการซื้อขายของลูกค้า ข้อมูลพฤติกรรมการเข้าเว็บไซต์ ข้อมูลการพูดคุยของคนบน Social Network การเข้าชมรายการผ่านช่องทางต่าง ๆ ฯลฯ ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่มหาศาลและมีประโยชน์มากต่อการตัดสินใจเรื่องการทำธุรกิจและการตลาด รวม ๆ แล้ว เราเรียกสั้น ๆ กันว่า Big Data เมื่อข้อมูลเหล่ามีความเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจทางธุรกิจและการวางแผนของนักการตลาด การจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบนั้นจึงมีความสำคัญมาก ข้อมูลจำนวนมหาศาลจะจัดเก็บอย่างไรดี การใช้ระบบฐานข้อมูลแบบเดิม ๆ ที่มีการจัดเก็บในระบบ Storage แบบเดิม ๆ ก็คงจะไม่ตอบโจทย์แล้ว เพราะข้อมูลเหล่านี้มีปริมาณที่มากมาย ที่สำคัญมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การประมวลผลจากระบบฐานข้อมูลแบบเดิม ๆ นั้นก็มีข้อจำกัด และในที่สุดแล้วก็ยังต้องใช้ "คน" ในการวิเคราะห์และตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ดี จึงทำให้การตัดสินใจของผู้ประกอบการธุรกิจช้าไปหนึ่งก้าวเสมอ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิม มีการพัฒนาเรื่องของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ขึ้นมา จึงเกิดการสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่อง Data Analytics หรือการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก การพัฒนาเกิดขึ้นไปพร้อม ๆ กับการพัฒนา Hardware และ Software ของอุปกรณ์ Storage จนเกิดการผสานกันระหว่าง AI กับอุปกรณ์ Storage ในการจัดเก็บและรับส่งข้อมูลจำนวนมาก กลายเป็นนวัตกรรม AI storage หรือระบบ Server ความเร็วสูงที่อัจฉริยะขึ้น ซึ่งกล่าวง่าย ๆ ว่า นวัตกรรมนี้คือการเสริมประสิทธิภาพให้กับระบบ Storage โดยใช้เรื่องของ Machine Learning มาสร้างความอัจฉริยะให้กับ AI และนำ AI ไปใส่ไว้ใน Hardware Storage ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว จึงกลายมาเป็น AI storage นวัตกรรมที่ช่วยให้การจัดเก็บ จัดส่ง และวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลจำนวนมากทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถที่จะประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก แบบ Peer-to-Peer ได้เลยทันที
AI storage ในบทบาทผู้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
วันนี้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับลูกค้าและผู้บริโภคที่ไหลบ่าเข้ามา แต่องค์กรธุรกิจและนักการตลาดต่าง ๆ สามารถที่จะหยิบจับข้อมูลมหาศาลมาทำประโยชน์ได้เพียงไม่ถึง 5% เท่านั้น เพราะเราไม่มีคลังเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (data warehouse) เราจึงไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า ข้อมูลที่มีอยู่นั้น "เราสามารถทำอะไรได้บ้าง" เราจะใช้ประโยชน์อย่างไร และอะไรที่เราควรทำอะไรก่อนหลัง เมื่อมีข้อมูลของลูกค้าและผู้บริโภคเข้ามา ช่องโหว่ทางธุรกิจและการตลาด จึงควรแทนที่โดย AI storage นวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยสร้าง data warehouse และ data lake ให้กับการตัดสินใจและวางแผนธุรกิจ ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ว่า
- เกิดอะไรขึ้นไปแล้วบ้าง
- ทำไมเหตุการณ์และสถานการณ์นั้น ๆ จึงเกิดขึ้น
- พยากรณ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรและนำไปสู่อะไร
- ควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรและรับมืออย่างไรต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทแห่งหนึ่งต้องการเพิ่มยอดขาย สามารถใช้ AI storage ให้เป็นประโยชน์ได้ตั้งแต่การย้อนกลับไปสำรวจดูยอดขายแต่ละสาขาว่าเป็นอย่างไรในแต่ละเดือน สามารถดูข้อมูลที่เจาะจงลงไปกว่านั้นได้ว่าสาขาที่มีการตั้งอยู่ใกล้คู่แข่ง นั้นมียอดขายลดลงไปเท่าไหร่ ช่วงไหนหรือเทศกาลไหนมีผลต่อยอดขาย รวมไปถึงการคาดการณ์ยอดขายที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามสถานการณ์หรือความเปลี่ยนแปลงของสังคม ทั้งหมดนี้ AI storage สามารถเข้ามาช่วยจัดการให้ได้อย่างอัตโนมัติและมีความรวดเร็วทำให้การตัดสินใจและวางแผนธุรกิจมีประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้น
AI storage ในบทบาทผู้ช่วยขยายขอบเขตตลาดและการบริการของธุรกิจ
AI storage ไม่ได้มีมีประโยชน์ในแง่เก็บข้อมูลภายในองค์กรและนำมาประมวลผลเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในแง่ของการเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจในการขยายตลาดและขยายธุรกิจของคุณได้ด้วย เพราะข้อมูลภายนอกที่เป็นสถานการณ์ทางสังคม พฤติกรรมผู้บริโภค สภาพเศรษฐกิจ อันเป็นข้อมูลขนาดใหญ่และภาพกว้างแบบนี้ เป็นเรื่องที่ยากที่จะประมวลผลและตัดสินใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ยิ่งใช้คนในการประมวลผลและวิเคราะห์ ยิ่งต้องใช้เวลาและเสี่ยงต่อความผิดพลาดสูง ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองทั้งเวลาและทุนทรัพย์ในการจ้างงาน ซึ่งการจะกระตุ้นตลาดที่ซบเซา ขยายตลาดออกไปในกลุ่มเป้าหมายอื่น หรือขยายธุรกิจไปยังจังหวัดหรือภูมิภาคอื่น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้การจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลสภาพแวดล้อมมหาศาลเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง และข้อมูลเหล่านี้ในขณะนี้ได้มีการจัดเก็บและส่งต่อผ่านระบบดิจิทัลออนไลน์แล้ว AI storage จึงเสมือนอุปกรณ์ที่ช่วยรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลในขั้นตอนสุดท้ายให้กับคุณ ทำให้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะเดินหน้าต่อไปในธุรกิจของคุณอย่างทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจที่ใช้ประโยชน์ในแง่นี้อย่างชัดเจนในปัจจุบันก็คือ ธุรกิจการเงิน การธนาคารและประกันภัย ทำให้รู้ว่าลูกค้าเป็นอย่างไร ควรจะเปิดและปิดสาขาไหน และโปรโมชั่นอะไรที่จะกระตุ้นยอดขายได้
ทั้งหมดคือบทบาทและความสำคัญของ AI storage ที่เข้ามาช่วยยกระดับธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดอย่างเห็นได้ชัดซึ่ง HPE ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย Storage แนวหน้าของโลก ได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาอยู่ใน HPE Nimble Storage HF20 อุปกรณ์ SAN Storage ที่มาพร้อมกับการจัดเก็บข้อมูลแบบ Self-Managing รวมไปจนถึง การวิเคราะห์และแจ้งเตือนปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยระบบ AI และ Machine Lerning ที่เรียกว่า InfoSight ที่ช่วยวิเคราะห์และเสนอหนทางแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ถึง 86% เพื่อให้โลกธุรกิจของคุณขับเคลื่อนไปด้วยความราบรื่น ผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้
รายระเอียดสินค้าเพิ่มเติม – https://www.quickserv.co.th/storage/HP/Artificial-Intelligence-SAN.html
หรือ สอบถามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ บริษัท ควิกเซิร์ฟ โปรไวเดอร์ จำกัด https://www.quickserv.co.th/